วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

โหดนะเรื่องนี้ อิอิ สำหรับคนมีครอบครัวแล้ว "วิธีฆ่าเมียให้ตายอย่างเลือดเย็นที่สุด"

1.เธออยากกินอะไรซื้อให้เธอกิน จนเธอคลอเรสโตรอลสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือดเดี๋ยวไม่เกิน50 ปีเธอก็ตายเองล่ะ
2.เธออยากได้เครื่องเพชรก็ซื้อให้เธอ พอแสงเพชรมันสะท้อนเข้าตาเธอมากๆ เข้า เดี๋ยวตาเธอก็จะบอด พอเธอตาบอดแล้วเราก็เอาเธอไปทิ้งที่ไหนก็ได้ พอเธอหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้วเดี๋ยวก็หลงทางกับอดอาหารตายเอง
3. เธอชอบรถก็ซื้อให้เธอ ยิ่งแพงๆยิ่งดี เครื่องมันแรงดี มันจะได้ขับเร็ว ๆ ความเสี่ยงสูง เฟอร์รารี่ยิ่งดี
4. เธออยากไปเที่ยวไหนก็พาเธอไป ต้องมีซักที่แหล่ะที่เธอพลาดเดินล้มหัวฟาดพื้นตายได้
5. งานบ้านอย่าไปให้เธอทำ เราต้องแย่งเธอทำให้หมด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ออกกำลังกายเดี๋ยวพอเธอไม่แข็งแรง เธอก็จะตายเอง

6. ต้องพาเมียไปหาหมอบ่อยๆ ดูดิคนไม่ค่อยไปหาหมอไม่ค่อยเป็นไรหรอก คนที่ไปหาหมอบ่อยๆ น่ะตายง่ายจะตาย เดี๋ยวสักหน่อยเธอก็ป่วยตายไปเอง
7. เงินเดือนออกมาเท่าไหร่ให้เธอไปให้หมด ใครๆก็รู้ว่าเงินน่ะเป็นที่สะสมเชื้อโรคสารพัด
เราแกล้งเอาเชื้อโรคให้เธอเก็บไว้เดี๋ยวเธอก็เป็นโรคตาย เราเองไม่ต้องเก็บเชื้อโรคไว้ สุขภาพแข็งแรง..เย้ เราปลอดภัยไม่ต้องสะสมเชื้อโรค

8. ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้เธออยู่ กว้างๆยิ่งดี เวลาจะเดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ทีเธอจะได้เหนื่อย เผลอ ๆ
อาจหอบตายระหว่างทางได้ (บางทีเธอก็จะสดุดล้มกลางคฤหาสน์นั่นล่ะ)
9. เช้า-เย็นกราบเธอทุกวัน เธอจะได้อายุสั้นลงเรื่อยๆ
10. รักเมียให้มากๆ ไม่เคยได้ยินเหรอ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ เรายิ่งรักเธอมากๆ เธอก็จะทุกข์มากๆ
พอเธอทุกข์มากๆ เธอก็ตรอมใจตายเอง

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

"หัวข้อสัมมนาออนไลน์วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา หัวข้อที่ 2 การขับเคลื่อนคุณภาพ E-learnning ของระดับอุดมศึกษา"


พัฒนาการอุดมศึกษาให้รองรับ E-learning
Tertiary Education should be development to support E-learning
จากกระแสตอบรับการขยายตัวของระบบการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-learning ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสและความสะดวกให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งพยายามจัดหลักสูตร e-learning เอง หรือสร้างเครือข่ายร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศหรือกับหน่วยงานอื่น เช่น มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย (Thailand Cyber Uniniversity: TCU) ซึ่งเป็นความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ  โดยจะเริ่มเปิดสอนเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 อีกทั้งกระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศกระทรวงเรื่อง “หลักเกณฑ์การขอเปิดและดำเนินการหลักสูตรระดับปริญญาในระบบการศึกษาทางไกล พ.ศ. 2548” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2548 เป็นต้นมา เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาแบบ e-learning ให้ได้คุณภาพและมาตรฐานมากขึ้น
หากแต่สิ่งสำคัญที่รัฐบาลไม่ควรละเลยคือ การพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของการจัดการศึกษาแบบ E-learning โดยอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเป็นช่องทางขยายโอกาสให้ผู้เรียนเข้าถึงการอุดมศึกษามากขึ้นไม่ว่าจะเป็น
การสร้างซอฟต์แวร์เพื่อการศึกษา คือ การสร้างโปรแกรมเพื่อทำให้เกิดการถ่ายทอดข้อมูลไปยังผู้เรียนกลุ่มต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางการเรียนรู้ให้กลุ่มคนที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ซอฟต์แวร์แปลภาษา หรือ ซอฟต์แวร์เพื่อกลุ่มคนพิการ เป็นต้น
การสร้างโมดูลทางการศึกษา คือการให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนวิชาข้ามมหาวิทยาลัยที่ตนสนใจได้ เช่น สามารถเลือกเรียนวิชาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด และเลือกเรียนวิชาการตัดแต่งพันธุกรรมจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาจูเซต (MIT) ไปพร้อมกัน การเลือกวิชาเรียนตามความต้องการของผู้เรียนนี้ ทำได้โดยการสร้างโปรแกรมจัดวิชา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนวิชาที่เหมาะสมสอดคล้องตามความต้องการและความสนใจของตน อีกทั้งยังทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบสหวิทยาการจากการบูรณาการวิชาที่เด่นของหลักสูตรจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งไปพร้อมกันได้
การพัฒนาการวิจัยทางการศึกษา โดยใช้ระบบสารสนเทศสร้างระบบการจัดการข้อมูลที่ทำหน้าที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ จากทั่วประเทศและโลกไว้ โดยมีช่องทางแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชา การความคิดเห็น รวมถึงการขยายความร่วมมือทางวิชาการไปทั่วโลก ผ่านเว็บไซต์ หรือไอคอนถามตอบ ทำให้เกิด ปฎิสัมพันธ์ระหว่างฐานข้อมูลและผู้ใช้ที่สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ การส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการเรียนรู้ เพื่อนำทักษะเหล่านั้นไปใช้ในสภาพจริง เช่น การสร้างห้องเรียน/ห้องทดลองเสมือนจริง การสร้างภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริง เพื่อให้ผู้เรียนทดลองทำโดยไม่ต้องลองสนามจริง โดยเป็นการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาแทนในสภาพแวดล้อมที่มีอันตรายและความเสี่ยงสูง และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติจริง
นอกจากนี้รัฐบาลเองควรให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับการศึกษาในปัจจุบันและอนาคต โดยเตรียมความพร้อมของบุคลากรในแวดวงการศึกษาต่าง ๆ ที่จะรับมือกับผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างผู้มีแต้มต่อ และใช้ในขอบเขตที่เอื้อต่อการพัฒนาการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ซึ่งเรื่องนี้มีนักวิชาการและผู้รู้หลายท่านได้แสดงทัศนะและข้อคิดเห็นไว้หลากหลาย ดังเช่น
การประชุมสมัชชาใหญ่สมาคมสมาชิกรัฐสภาระหว่างประเทศด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการด้าน ICT ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกำหนดวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการประชุม เพื่อสร้างความร่วมมือในการยกระดับการนำ ICT ไปใช้และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศ (Digital Divide)
นายโคฟี อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้แสดงทัศนะไว้ในการประชุม การประชุม World Summit on Information Society ที่จัดขึ้นที่ประเทศตูนิส เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2548 ว่าอยากเห็นการประชุมนำมาซึ่งประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เป็นการสร้างแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและช่วยเหลือประเทศที่ยากจน ตลอดจนการหาแนวทางที่เฉพาะเจาะจง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศ  
รวมถึงการเสนอบทความเรื่องไอทีกับภารกิจด้านการเรียนการสอนในอนาคต โดย ดร.นลินี ทวีสิน ซึ่งทำงานด้านการวางยุทธศาสตร์ การวางแผนและการพัฒนาด้าน e-learning มานาน ได้แสดงให้เห็นว่า ทุกภาคส่วนในสังคมต่างมีความห่วงใยในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศ เพื่อให้คนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา และเทคโนโลยีและความรู้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น
ในการสร้างฐานความรู้โดยอาศัยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งในปัจจุบันนับได้ว่ามีความสำคัญ และมีความจำเป็นต่อวงการศึกษาเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากนโยบายการปฏิรูปการศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่ง ส่งเสริม สนับสนุนเพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นกลไกในการจัดการศึกษา เพื่อก้าวไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ ที่จะตอบสนองให้ผู้เรียนและประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างทั่วถึง มีความเสมอภาคและมีประสิทธิภาพที่เท่าเทียมกัน ที่สำคัญจะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะนำพาไปสู่การสร้างสังคมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ปัจจุบันระบบการจัดการศึกษาแบบ e-learning ได้รับการยอมรับว่าเป็นกลไกสำคัญอีกระบบหนึ่งที่มีคุณลักษณะในการสนับสนุน ส่งเสริม ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างอิสระ ช่วยให้เข้าถึงแหล่งความรู้ที่หลากหลาย ได้อย่างรวดเร็วและสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตามอัธยาศัย นอกจากนี้ การจัดการศึกษารูปแบบ e-learning นี้ เป็นการสนองตอบแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นหลัก ผู้เรียนสามารถเข้าถึง ควบคุมกระบวนการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (Self-Directed Learning) กระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และแก้ปัญหาได้อย่างอิสระ เป็นการเรียน รู้ในลักษณะผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลายสนองต่อกลไกการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ และสนับสนุนการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานการศึกษาเดียวกัน เรียนรู้ได้ทุกเวลา เข้าถึงสาระเนื้อหาได้ในทุกสถานที่ (anyone-anywhere-anytime learning) โดยใช้กลไกของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ในฐานะที่หน่วยงาน สถานศึกษา สังกัด กศน. มีเป้าหมายหลักในการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาที่ครอบคลุมการจัดศึกษาให้กับ กลุ่มคนที่หลากหลาย แต่ในการใช้ช่องทางทางเทคโนโลยีสารสนเทศ นำมาเป็นช่องทางในการจัด และส่งเสริมการศึกษา อย่างเป็นรูปธรรมนั้น ดูเหมือนว่ายังทำได้ไม่เต็มที่นัก สถาบัน กศน.ภาคเหนือ ก็เป็นอีกหน่อยงานหนึ่ง ที่ใช้ ICT เป็นฐาน เป็นช่องทาง การเรียนรู้ การฝึกอบรม มาโดยตลอด ทำให้เห็นว่าหลักสูตร เนื้อหาที่มีอยู่นั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ นอกจากนี้ การใช้งาน การเข้าถึงช่องทาง เส้นทางการศึกษา วิธีนี้ ก็ยังอยู่ในวงจำกัด 
(อยากให้เข้ามาแสดงความคิดเห็นหัวข้อนี้เพิ่มเติมร่วมกันครับ)

"หัวข้อสัมมนาออนไลน์วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา หัวข้อที่ 1 การจัดการการเรียนการสอนแบบ E-learning"

e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น
          ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการจัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการ งานสอนด้านต่างๆ โดยผู้เรียนที่เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และที่สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่างๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ (Interactive Technology)
          คำว่า e-Learning นั้นมีคำที่ใช้ได้ใกล้เคียงกันอยู่หลายคำเช่น Distance Learning (การเรียนทางไกล) Computer based training (การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือเรียกย่อๆว่า CBT) online learning (การเรียนทางอินเตอร์เนต) เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยสามารถมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฎิสัมพันธ์ได้


บทบาทการเรียนการสอน E-learning ในประเทศไทย
          สังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ IT E-learning เป็นการนำไอทีไปใช้ในด้านการส่งเสริมประสิทธิภาพด้าน การเรียนการสอนในหลากหลายรูปแบบเช่น การนำมัลติมีเดียมาเป็นสื่อการสอนของครู/อาจารย์ ให้ผู้เรียน เรียนรู้ค้นคว้าด้วยตัวเอง ด้วยการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม  ในยุคปัจจุบันเป็นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Stand-alone หรือการเรียนผ่านเครือข่าย เชื่อมโยงสู่อินเทอร์เน็ตเพื่อการค้นคว้าหาข้อมูลแลกเปลี่ยนค้นข้อมูลความรู้บนเครือข่ายซึ่งที่ผ่านมาเราใช้สื่อ การเรียนการสอนในรูปแบบของสื่อผสม (Multimedia) ใช้การนำเสนอลงบนแผ่นซีดี-รอมโดยใช้ Authoring tool ทั้งภาพและเสียงเพื่อเกิดการปฏิสัมพันธ์ ให้กับผู้เรียนซึ่งสื่อเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะได้รับ ความสนใจสูงขึ้นเรื่อยๆ
การเปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบชั้นเรียนปกติกับ E-learning
          ชั้นเรียนปกติ
1. ผู้เรียนนั่งฟังการบรรยายในชั้นเรียน
2. ผู้เรียนค้นคว้าจากตำราในห้องสมุดหรือสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ
3. เรียนรู้การโต้ตอบจากการสนทนาในชั้นเรียน
4. ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่
          E-learning
1. ใช้ระบบวีดีโอออนดีมานด์เรียนผ่านทางเว็บ
2. ค้นคว้าหาข้อมูลผ่านทางเว็บที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วโลก สะดวก รวดเร็ว และทันสมัย
3. ใช้ระดานถาม-ตอบช่วยให้ผู้เรียนกล้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เต็มที่ เหมาะกับผู้เรียนจำนวน มาก
4. จะเรียนเวลาไหน ที่ใดก็ได้
เวลาของการศึกษาออนไลน์
           การศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ได้เจริญเติบโตไปทั่วทุกมุมโลก แนวโน้ม ของเทคโนโลยีดีขึ้น เร็วขึ้นและให้ผลตอบแทนที่มากขึ้นทำให้เกิดความต้องการที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ระบบการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์กำลังพัฒนามาสู่แอพพลิเคชั่น รูปแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอ
อนาคตของระบบการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์
          สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการศึกษาทางอิเล็ก ทรอนิกส์จะเติบโตและเป็นที่แพร่หลายก็คือ การที่ระบบเครือข่ายมีเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการนำเสนอระบบ การเรียนการสอนที่น่าสนใจเช่น การใช้เสียงส่งสัญญาณวีดีโอตามความต้องการ ( Video on demand) และการประชุมผ่านสัญญาณวีดีโอ ในขณะเดียวกันก็ให้บริการที่เชื่อถือได้
          ประเภทของe-learning แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
          1. Synchronous - ผู้เรียนและผู้สอนอยู่ในเวลาเดียวกัน เป็นการเรียนแบบเรียลไทม์ เน้นผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง เช่นห้องเรียนที่มีอาจารย์สอนนักศึกษาอยู่แล้วแต่นำไอทีเข้ามาเสริมการสอน
          2 . Asychronous- ผู้เรียนและผู้สอนไม่ได้อยู่ในเวลาเดียวกันไม่มีปฏิสัมพันธ์แบบเรียลไทม์ เน้นศูนย์กลางที่ผู้เรียนเป็นการเรียนด้วยตนเองผู้เรียนเรียนจากที่ใดก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต โดยสามารถเข้าไป ยังโฮมเพจเพื่อเรียน ทำแบบฝึกหัดและสอบ มีห้องให้สนทนากับเพื่อร่วมชั้นมีเว็บบอร์ดและอีเมล์ให้ถาม คำถามผู้สอน แต่ละประเภทก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป
          ข้อดี ของ Synchronous คือ ได้บรรยากาศสด ใช้กับกรณีผู้สอนมีผู้ต้องการเรียนด้วยเป็นจำนวนมาก และสามารถประเมินจำนวนผู้เรียนได้ง่าย
          ข้อเสีย ของ Synchronous คือ กำหนดเวลาในการเรียนเองไม่ได้ต้องเรียนตามเวลาที่กำหนดของคน กลุ่มใหญ่
          ข้อดี ของ Asynchronous คือ ผู้เรียน เรียนได้ตามใจชอบ จะเรียนจากที่ไหน เวลาใด ต้องการเรียน อะไรหรือให้ใครเรียนด้วยก็ได้
          ข้อเสีย ของ Asynchronus ไม่ได้บรรยากาศสด การถามด้วย chat หรือเว็บบอร์ดอาจไม่ได้รับการตอบ กลับ E – learning ในสถานศึกษา สามารถใช้ได้กับสถานศึกษา เริ่มจากที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ให้นักศึกษา รับการบ้าน ส่งการบ้านทางอินเทอร์เน็ต มีการพัฒนานำเนื้อหาไว้ที่โฮมเพจของมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาเข้า มาเรียนจากบ้านได้
          ประโยชน์จาก E-learning
          1 ความรู้ไม่สูญหายไปกับคนเพราะสามารถเก็บไว้ได้
          2 ประหยัดเวลาเดินทางและค่าใช้จ่าย
          3 ผู้เรียนเลือกได้ว่าต้องการเรียนกับอาจารย์ท่านใดหรือหลายท่านก็ได้
ที่เหลืออยากให้เพื่อนๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมกันครับ

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

###สำัคัญนะครับ เรื่องงานวิชาอาจารย์ชัยวัฒน์ ไม่ทำไม่จบนะ ##

 วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษาไม่มีการสอบปลายภาคนะครับ แต่ต้องมีการสัมมนาออนไลน์ตามหัวข้อที่อาจารย์ำกำหนดมา ผมเลยสร้างเวบนี้ขึ้นมาให้ใช้ร่วมกันรวมทั้งเป็บเวบประชาสัมพันธ์ประจำรุ่นเราด้วย เพื่อนๆ ป.บัณฑิตรุ่น 8 ให้คลิกที่ลิ๊งค์ทางด้านซ้ายตรงที่บอกว่า  เป็นสมาชิกแล้วหรือ ลงชื่อเข้าใช้  นะครับเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ Google ก่อน (ผมสร้างเวบโดยใช้เครื่องมือของ Google ครับ) สำหรับการแสดงความคิดเห็นให้คลิกตรงที่เขียนว่า ความคิดเห็น อยู่ตรงข้างๆ กับที่บอกว่าใครเป็นคนเขียนบทความนั่นล่ะครับ ใครที่สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกเวบแล้วรายชื่อจะไปปรากฎตรงหัวข้อผู้ติดตามด้านซ้ายนะครับสำหรับหัวข้อบทความที่เราจะมาสัมนากันให้ดูตรงด้านซ้ายมือบนสุดนะครับแล้วก็ใส่ e-mail กับ password ตามที่เราใช้จริงส่วนสำหรับตรงชื่อที่จะให้แสดง อยากให้ใส่ชื่อกับนามสกุลจริงนะครับ จะได้ทราบว่าเพื่อนๆ คนไหนเข้ามาแลกเปลี่ยนแสดงความความคิดเห็นกันบ้าง หลังจากสมัครสมาชิกเวบแล้วถ้าผ่านทุกข้ัั้ันตอนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันตามหัวข้อที่อาจารย์ให้มานะครับ  สำหรับหัวข้อบทความที่จะสัมมนากันตอนนี้กำลังรอหัวข้อจากอาจารย์ชัยวัฒน์อยู่ครับ จะพยายามเอาขึ้นมาโพสให้ได้ก่อนวันจันทร์ให้ได้ครับช่วยๆ กันเด้อจะได้จบพร้อมกัน เราเป็นรุ่นสุดท้ายแล้วนะครับปีหน้าไม่มีให้ลงเรียนแ้ก้นะ
Best Regard
ปิติภัทร์  โพธิจักร

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

เชื่อหรือไม่ ????

จงอ่านให้ครบทุกเรื่องนะครับ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่

1. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคนเราคือ ลิ้น
2. ผู้หญิงกระพริบตามากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า และมากกว่า 40 ครั้งต่อนาทีเมื่อพวกเธออยู่สระว่ายน้ำ
3. คนเราไม่สามารถเลียข้อศอกตัวเองได้
4. แมลงสาบหัวขาดจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ต่อไปถึง 9 วันก่อนที่มันจะอดอาหารตาย
5. เวลาปลาหมึกยักษ์(ใต้ทะเลลึก)หิวจัดเอามากๆ มันจะกินหนวดของตัวเอง
และมันยังเป็นสัตว์ที่มีลูกตาใหญ่ที่สุดในโลก  (ใหญ่กว่าปลาวาฬ)
6. แมงมุมแม่ม่ายดำจะกลืนกินคู่ขาหลังจาการสมสู่ แล้วยังสามารถหม่ำแมงมุมตัวผู้ได้ถึงวันละ 25 ตัว
ร้ายกาจจริงๆ
7. เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวไรซ่อนอยู่ถึงหกพันล้านตัว
8. ผึ้งจะทำกายบริหารก่อนบินเสมอ
9. การ์ตูนโดนัลด์ดั๊กเคยถูกประกาศห้ามเผยแพร่ในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามันไม่สวมกางเกง
10. ถ้าคุณลากเส้นชอล์กผ่านขวางทางเดินของมด มันจะไม่ยอมเดินผ่านข้ามไป
(ที่เมืองไทยมันนั่งรถประกาศมาหลอกขายคนแก่เฝ้าบ้านแท่งละยี่สิบบาทใง)
11. ในแต่ละวันผู้หญิงจะฉอเลาะมากถึง 7,000 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ชายปริปากแค่ 2,000 คำต่อวันเท่านั้น
(อันนี้ประสบการณ์ตรงครับ)
12. คุณรู้รึเปล่าว่า ไม่ว่ากระดาษจะมีแผ่นใหญ่แค่ไหน คุณไม่สามารถพับครึ่งได้ถึง 7 ทบ ไม่เชื่อลองดู
13. คุณรู้ไหม โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะกลืนกินลิปสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน
14. เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะจามทั้งๆ ดวงตายังเปิด
15. เห็นได้ชัดว่าลูกตาของคนเราจะคงขนาดเดิมมาตั้งแต่เกิด แต่จมูกกับหูนั้นไม่เคยหยุดการเจริญเติบโต
16. วอลท์ ดิสนีย์ ผู้สร้างตำนานการ์ตูนมิกกี้เมาส์น่ะ อันที่จริงเขาเป็นคนกลัวหนูจะตายไป
17. เอาหัวโขกกับกำแพงสัก 1 ชม. ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 150 กิโลแคลอรี่
18. ปูอัดทำมาจากเนื้อปลาบด
19. อัลมอลล์เป็นชื่อผลไม้ชนิดหนึ่งอยู่ในตระกูลของลูกพีช
20. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น มักให้เข็มนาฬิกาอยู่ที่ 10.10 เพราะจะได้ดูเหมือนรูปใบหน้ายิ้ม
21. ลายเสือเกิดจากหลังของมัน ไม่ใช่จากขน
22. ร้อยละ 80 ของคนที่อ่านบทความนี้ จะพยายามเลียข้อศอกตัวเอง!!!
แล้วคุณล่ะเชื่อหรือเปล่า

เรื่องเล่าสั้นๆ คลายเครียดครับ

เรื่องของผีสามตัว

ผีสามตัว นั่งคุยกัน อยู่ข้างวัด
เงียบสงัด วังเวง น่าเกรงขาม
นั่งปรับทุก ถามสุกดิบ ตอนสามยาม
ตัวแรกถาม ตัวที่สอง บอกข้าที
...ว่าทำไม เจ้าใย ถึงตายเล่า
เรื่องมันเศร้า ข้าโดนยิง ตอนหลบหนี
แล้วถามกลับ เจ้าทำไม สิ้นชีวี
ตัวข้านี้ โดนแทง ตอนตีกัน
...ผีทั้งสอง หันไปมอง ตัวที่สาม
แล้วก็ถาม ว่าทำไม ถึงตัวสั่น
ทั้งร้องไห้ เหงื่อท่วมหน้า ทำไมกัน
พวกเรานั้น ฉันเข้าใจ ให้บอกมา
...ตัวที่สาม อ้ำอึ้ง อยู่ซักครู่
ก็ไม่รู้ ว่าจะพูด ดีไหมหนา
ตัดสินใจ สุดกล้ำกลืน ฝืนอุรา
อันตัวข้า....มานั่งขี้....ยังไม่ตาย.....


ชายหนุ่มคนหนึ่ง บ่นกับเพื่อนว่า"อั๊วรู้สึกเจ็บข้อศอกอย่างรุนแรง สงสัยจะต้องไปหาหมอล่ะ"
"เฮ้ยไม่ต้อง มีร้านขายยาคอมพิวเตอร์ร้านนึง มีเครื่องอัจฉริยะถูกกว่าเร็วกว่าไปหาหมอ
เยอะ ง่ายๆแค่เอาตัวอย่างปัสสาวะใส่ไปในเครื่อง คอมพิวเตอร์จะวินิจฉัยและให้คำแนะนำ
ออกมาเสร็จ แค่ร้อยเดียว" เพื่อนรักบอก
ชายหนุ่มคิดในใจว่าลองดูก้อ ไม่เสียหายอะไรว่าแล้วก็ฉี่ใส่กระป๋องแล้วตรงไปร้านขายยา
ที่ว่าพอเจอเครื่องก็จัดการ เทปัสสาวะเข้าเครื่อง หยอดเหรียญ กดปุ่มซักครู่
เครื่องเริ่มส่งเสียงทำงาน ไฟกระพริบแล้วพิมพ์กระดาษรายงานผลออกมา
" คุณเป็นโรคเอ็นข้อศอกอักเสบ ให้เอาข้อศอกแช่น้ำอุ่นบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการทำงานหนัก
จะดีขึ้นภายในสองสัปดาห์"
เย็นวันนั้น ขณะที่นั่งคิดทึ่งในความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีปัจจุบันเค้านึกสงสัยว่า
คอมพิวเตอร์ จะตอบมั่วๆไปเรื่อยหรือป่าวคิดได้ดังนั้น เค้าจัดการทดสอบทันที
โดยการเอาน้ำก๊อกที่บ้านผสม กับอุจจาระของหมาที่เลี้ยงไว้และปัสสาวะของภรรยาและลูกสาว
ปิดท้ายด้วยการช่วยตัวเองเอาน้ำอสุจิเติมลงไป จัดการเขย่าให้เข้ากันแล้วตรงกลับไปที่ร้านเก่า
หลังจากหยอดเหรียญเครื่องก็ทำงานและพิมพ์รายงานออกมา
"น้ำก๊อกบ้านนายกระด้างเกินไป ควรติดตั้งเครื่องกรองน้ำกระด้าง"
"หมานาย มีพยาธิ ควร ให้มันกินยา ฆ่าพยาธิ"
"ลูกสาวนาย ติดยา ควร พาเธอเข้ารับการฟื้นฟูบำบัด"
"เมียนายตั้ง ครรภ์6 สัปดาห์ แต่ไม่ใช่ลูกนาย ควรจะปรึกษาทนายความ"
"และสุดท้าย ถ้านายยังไม่เลิกช่วยตัวเองด้วยมือบ่อยๆ เอ็นข้อศอกของนายไม่มีวันหายแน่"


เจ้า โจรนักปล้นที่ขึ้นชื่อ เรื่องความโหด เมื่อใดที่มันเข้าปล้นเป็นต้องมีการข่มขืนเหยื่อไปทุกครั้ง
และมันก็ยึดมั่นในกฎนี้ตลอดมา วันหนึ่งเจ้าโจรเหิมเกริม
ถึงขนาดเข้ามาปล้นในพระราชวัง เพราะตั้งใจว่าจะเข้าปล้นในห้องเจ้าหญิง
“หยุดนะ นี่คือการปล้น” เจ้าโจรร้องตวาดเสียงดัง
แต่บังเอิญเหลือเกินที่ขณะนั้นเจ้าหญิงไม่อยู่ห้อง
มีเพียงแม่นมพรหมจรรย์วัย 80 เท่านั้นที่นอนเฝ้าห้องบรรทมอยู่
มันตกใจมาก จึงรีบกวาดข้าวของมีค่าใส่
ถุง เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหญิงเดินเข้าห้องมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
“เจ้าเข้ามาทำอะไรในห้องข้า?” เจ้าหญิงถาม
“มัน คือโจรจอมโหดเพคะ” แม่นมวัย 80 ตอบเสียงสั่น
“แถมมันยังขึ้นชื่อเรื่องยึดมั่นในกฏเป็นอย่างมาก ปล้นที่ไหนต้องข่มขืนเหยื่อที่นั่น และตอนนี้
หม่อมฉันก็กลายเป็นเหยื่อของมันแล้วเพคะ” แม่นมว่าพลางร้องไห้โฮ
เจ้าหญิงนึกสงสารแม่นมมากที่จะต้องโดนข่มขืน จึงพยายามขอร้องเจ้าโจรโหด
“เจ้าโจร เจ้าอย่าข่มขืนแม่นมเลยนะ แกแก่มากแล้ว สงสารแก” เจ้าหญิงว่า
แต่ก่อนที่เจ้าโจรจะตอบออกมา แม่นมก็พูดขึ้นมาเสียงดัง
"ไม่ได้หรอกเพคะ กฎต้องเป็นกฎ!"

 

สามีกับภรรยาเขาคุยกััน

ขณะนั่งดูทีวีกันอยู่ในห้องนั่งเล่ีน
จู่ๆ สามีก็ถามภรรยาว่า
" ที่รัก ... ถ้าผมตาย คุณจะแต่งงานใหม่ไหม "
ภรรยา บอกว่า " น่าจะแต่ง .. คุณก็รู้ี่ีนี่ฉันกลัวความเหงา "
" แล้วคุณจะให้สามีใหม่ของคุณ มาขับสปอร์ตของผมไหม " สามีถาม
" ก็คงให้ขับ " ภรรยาตอบ
" แล้วชุดสูทแสนแพงของผมล่ะ ... คุณจะยกให้เขาใส่ไหม " สามียังไม่หยุดถาม
ภรรยาส่ายหน้าตอบว่า " คงไม่หรอก ... เพราะรู้สึกว่าเขาจะเตี้ยและอ้วนกว่าคุณนะ "


หญิงสาวผู้หนึ่งพาร่างกายอันสะบักสะบอมขึ้นไปบนโรงพัก
หญิงสาว : "เอ่อ..หนูถูกข่มขืนค่ะ"
ร้อยเวร : "ที่ไหนครับ เมื่อไหร่ ?"
หญิงสาว : "เมื่อคืนนี้คะ ที่ในป่าข้างทาง"
ร้อยเวร : "แล้วมันทำอะไรคุณบ้าง"
หญิงสาว : "คือว่า มันมากัน 3 คนค่ะ มันเจอดิฉันในซอยเปลี่ยว
แล้วมันก็ลากดิฉันไปในป่าข้างทาง ดิฉันก็ดิ้นสุดฤทธิ์เลยคะ ตอนที่พวกมันกำลังทำ
พอดีมือปัดไปโดนไม้ท่อนหนึ่งเข้าอันใหญ่เหมาะมือพอดี ดิฉันจึงค่อยๆหยิบมันขึ้นมาค่ะ "
ร้อยเวร : "แล้วคุณก็หวดลงไปที่คนร้ายเต็มแรงเลยใช่มั๊ย...! "
หญิงสาว : "อ๋อ....เปล่าค่ะ ดิฉันเห็นว่ามันอันกำลังดีเลย..เอามาหนุนหัวค่ะ"


คืนนี้สมรกลับบ้านหลังเที่ยงคืนเป็นคืนแรกในชีวิต
เนื่องจากทางเข้าบ้านมืดมาก
เป็นเส้นทางที่แทบจะไม่มีไฟข้างทางเลย
และคนแถวนั้นแทบจะนอนกันหมดแล้ว
เพราะกลัวอาถรรพ์ที่เจอกันบ่อยๆ
เธอคนนั้นก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างพร้อมกับก๋วยเตี๋ยวน้ำถุงใหญ่
"ไปไหนครับคุณ" คนขับถาม
"หลังวัดน่ะ" สมรตอบ
เมื่อนั่งไปเรื่อยๆ จนถึงโค้งหนึ่งคนขับก็มีอาการสั่นๆเล็กน้อย
สมรสังเกตได้ พอข้ามสะพานไปได้
คนขับก็สั่นอีกและสบถคนเดียวเบาๆฟังไม่เป็นภาษา
สมรเริ่มกลัวขยับก้นเข้าไปกว่าเดิม ..
ทันใดนั้นโชเฟอร์ก็หยุดรถแล้วหันมาตะคอกใส่สมรว่า
"มึง! อยากตายใช่มั้ย หา" สมรร้องไห้ไม่กล้าสบตา
แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า
"อย่าทำอะไรหนูเลยหนูกลัวแล้ว แล้วหนูจะกรวดน้ำไปให้"
"กรวดนงกรวดน้ำอะไรเล่า ถ้ามึงไม่อยากตาย
ก็เอาถุงก๋วยเตี๋ยวออกจากหลังกู! กูร้อน"


กระทาชายนายหนึ่งชวนแฟนสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ขับรถกินลมบนถนน
ระหว่างที่ขับรถ สองหนุ่มสาวต่างพูดจาประสาคู่รัก
ขับมาระหว่างทางขณะที่มีแดดรำไรใกล้พระอาทิตย์ตก
สาวเจ้าเกิดมีอารมณ์พิศวาส จึงเอ่ยกับชายหนุ่มว่าเรามาทำอะไรสนุกๆกันไหม
พูดแล้วสาวเจ้าก็จัดการกับเสื้อผ้าเจ้าหล่อนพร้อมกับ........กอด
ชายหนุ่มขณะขับรถ เจ้าหนุ่มกลัวน้อยหน้าจึงได้จัดการกับเสื้อผ้าตัวเองด้วยเช่นกัน
ขณะที่ทั้งคู่แสดงบทรักกันได้พอสมควร เจ้าหนุ่มก็เกิดอาการเกร็งอย่างสุดขีด
ทำให้ขับรถตกถนนพลิกไปหลายตลบ ไปหยุดนิ่งที่ใต้ต้นไม้
สักพักสาวเจ้าได้สติพยายามตะเกียกตะกาย
ออกจากรถได้ ส่วนเพื่อนหนุ่มยังคงติอยู่ถายในเจ้าหนุ่มจึงร้อง "ที่รักช่วยไปตามคนมาช่วย
ผมด้วยผมออกจากรถเองไม่ได้" ด้วยอารามตกใจสาวเจ้านึกได้ว่าไม่ได้ใส่เสื้อผ้า
จึงหันไปหยิบรองเท้าเจ้าหนุ่มที่ตกอยู่ข้างๆ มาปิดของสงวน ก่อนวิ่งมาริมถนน
ขณะนั้น ตำรวจผู้เห็นเหตุการณ์ได้รีบขับรถมาเพื่อช่วยผู้ประสบอุบัติเหตุ
สาวเจ้าเมื่อเห็นตำรวจได้ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
"ช่วยด้วย .......ช่วยด้วยแฟนหนูติดอยู่ข้างในค่ะ"คุณตำรวจได้ยินเสียงรีบออกจากรถ
พร้อมกับจ้องมองไปที่รองเท้าแฟนหนุ่มพร้อมกับพูดด้วยเสียงอาลัยว่า
"โอ .... ถ้าแฟนคุณติดอยู่ข้างในจนเหลือแต่รองเท้าผมคงช่วยเขาไม่ได้แล้วล่ะ "

ณ ศาลอาญา...
เรื่องมีอยู่ว่า ลุงมี อายุอานามก็เกือบ 70 แล้ว
เกิดไปปล้ำเด็กสาวคราวลูกเข้า ...
ก็เลยโดนรวบเข้ากรง ลุงมีจึงจ้างทนายสาว
ฝีมือฉกาจขึ้นว่าความให้ลุง
ผู้พิพากษา : คุณทนายมีอะไรจะแก้ต่างให้ลุงมี หรือไม่
ทนายสาว : ข้าแต่ศาลที่เคารพ ดิฉันอยากจะชี้ประเด็นให้เห็นว่า ลุงมีแกแก่มากแล้ว
ไม่สามารถที่จะทำอย่างที่ทางตำรวจแจ้งข้อหาได้ ค่ะ
ผู้พิพากษา : ทนายมีอะไรมาพิสูจน์ว่าลุงไม่มีความสามารถจะข่มขืนจำเลยได้
ทนายสาวจึงบอกให้ลุงรูดซิป แล้วทนายสาวก็ล้วง ออกมาเขย่าให้ทุกคนดู
ทนายสาว : ข้าแต่ศาลที่เคารพ เหี่ยวๆ ห้อยๆ อย่างนี้ จะมีปัญญาอะไรไปทำอย่างว่าได้ค่ะ
ทนายสาวเขย่าอยู่นานจน ลุงมีจึงเอามือที่สั่นๆ คว้ามือทนายสาวให้หยุดเขย่าซักที แล้วกระซิบข้างหูว่า
ลุงมี : อ้า!!!!! อู๊วว !!!! ทนาย ๆ หยุดเขย่าเถอะ เดี่ยวจะเสียรูปคดี... โอ้วววววว!!!!!


แม่สาวคนหนึ่ง
เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องทรวดทรงของเธอนั้นงามสล้างเหลือหลาย
พ่อหนุ่มคนหนึ่งเกิดมารู้จักแม่สาวนางนี้
หนุ่มนั้นก็มุ่งมั่นที่จะดูนมสาวนางนี้ให้ได้
แต่ละวันผ่านไปเจ้าหนุ่มก็ได้แต่คิด..คิด..คิดหา
ทางที่จะดูนมสาวให้ได้ แล้วพี่แกก็คิดออก
"นี่เธอ ถ้าเธอกล้าถอดเสื้อถอดยกทรงของเธอ
ให้ฉันได้ดูดนมของเธอทีละข้างเท่านั้น ฉันจะให้เงินเธอทันทีเลยหนึ่งหมื่นบาท"
สาวเจ้าได้ฟังข้อเสนอก็หูผึ่ง บังเอิญตอนนั้นถังแตกอยู่ด้วย
กะอีแค่ดูดนมข้างละทีไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เงินตั้งหมื่น..
เธอก็ตอบตกลง แล้วก็ถอดเสื้อนอกออก
ถอดยกทรงออกเหลือแต่นม
นมของแม่สาวน้อยช่างเต่งตึงจริงๆ เจ้าหนุ่มจ้องตาไม่กระพริบ
แทบไม่หายใจ จ้อง..จ้อง..จ้องจนชุ่มฉ่ำไปหมด
สาวน้อยเห็นเจ้าหนุ่มตะลึงมองนมตัวอยู่นานก็เลยเตือน
"เอ้า..เอาแต่จ้องอยู่ได้ มาดูดนมฉันเสียทีสิ ไม่กล้าหรือไง"
"กล้าน่ะกล้าอยู่หรอก.." หนุ่มครางทั้งๆ ที่ตายังจ้องดูนมสาวอยู่
"..แต่มันไม่มีเงิน.."


ทายนิสัยจากการผายลม
คนใจเย็น - คนที่กลั้นตดจนถึงจุดระเบิด
คนขี้อวด - คนที่ตดดังสนั่น แล้วยืนหัวเราะชอบใจ
คนไม่จริงใจ - คนที่ตด แล้วหันไปมองหน้าเด็ก (และคนที่อยู่ข้างๆ)
คนงก - คนที่ชอบยืนดมตดตัวเอง
คนโชคร้าย - คนที่ตด ขณะเอามือตบโต๊ะไปด้วยแต่พลาดจังหวะ (ซวย)
คนซาดิสต์ - คนที่ตดในผ้าห่มแล้วกดหัวแฟนตัวเองไปดม
คนเจ้าเล่ห์ - คนที่ตดพร้อมกับไอกระแอมเบาๆ
คนสุภาพ - คนที่กล่าวคำขอโทษ ก่อนและหลังการตด (ทั้งๆ ที่อยู่คนเดียว)
คนมั่งคั่ง- คนที่ตดอย่างสม่ำเสมอ เป็นจังหวะ และยาวนาน
คนใจร้าย - คนที่ตดไม่มีเสียง แต่เหม็นโคตร
คนดีแต่พูด - คนที่ตดโคตรดัง แต่ไม่มีกลิ่น (เน้นการใช้เสียงเพื่อขู่ศัตรู)
คนหลายใจ- คนที่ตด ขี้ เยี่ยว ไปพร้อมๆ กันในเวลาเดียว
คนใจบุญ - คนที่ตดอยู่เหนือลม
นักวิทยาศาตร์ - คนที่ชอบวิเคราะห์กลิ่นตด ว่าอาหารก่อนหน้าที่กินประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ผู้ดี - คนที่กลั้นตดไว้เป็นชั่วโมงเพื่อ กลับไปตดที่บ้าน
แพทย์ - คนที่ล้างมือ ก่อนและหลังตด


1. เจ้านาย ใครบางคนที่ชอบมาทำงานเช้าในวันที่คุณเข้างานสาย และก็มาซะสายในวันที่คุณมาเช้า
2. อาชญากร ก็เหมือนคนเราๆท่านๆนี่แหละ เพียงแต่ถูกจับได้
3. นักการฑูต คนที่บอกให้คุณไปลงนรกได้ด้วยวิธีพูดที่ทำให้คุณอยากไปแทบจะรอไม่ไหว
4. หมอ คนที่ช่วยชีวิตคุณด้วยยาและฆ่าคุณทีหลังด้วยบิลค่ารักษา
5. ทนายความ คนที่ยื่นมือเข้าช่วยคนทำผิดกฎหมาย อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
6. นักโฆษณา คนที่รู้จักเลือกพูดแต่ความจริง เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เฉพาะครึ่งที่ดี
7. นักร้องวัยรุ่น เด็กหนุ่มสาวที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ และเครื่องแต่งเสียง กับ sound engineer
เป็นเพื่อนตาย
8. พ่อค้า - แม่ค้า คนที่อดีตเคยเป็นข้างต้นที่กล่าวมา แล้วโดนเลย์ออฟเพราะเศรษฐกิจ
9. หมอดูลายมือ คนแปลกหน้าที่สามารถจับมือแฟนคุณได้ต่หน้าต่อตา โดยไม่โดน...
10. ข่าวลือ ข้อมูลที่เดินทางได้รวดเร็วเท่ากับความไวของเสียง
11. ประสบการณ์ ชื่อที่มนุษย์ตั้งให้กับความผิดพลาดที่ทำในอดีต
12. น้ำตา พลังงานน้ำที่ทำให้เพศชายต้องพ่ายแพ้ต่อพลังเพศหญิง
13. หาว จังหวะเดียวในชีวิตที่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วบางคน มีโอกาสได้อ้าปาก


เย็น วันหนึ่ง ธีรเดชประกาศข่าวดีเสียงลั่นบ้านด้วยความตื่นเต้น
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมมีข่าวใหญ่มาบอก
ผม จะแต่งงานกับสาวสวยที่สุดในอำเภอนี้
เธอ ชื่อโอปอลล์ครับ บ้านอยู่ถัดเราไปนิดเดียว”
หลังอาหารเย็นผ่านไป พ่อก็ดึงธีรเดชไปคุยกันสองต่อสอง
“ลูกเอ๋ยพ่อมีเรื่องคุยด้วย พ่อกับแม่แต่งงานกันมาสามสิบปี
แม่ ของลูกเป็นเมียที่ดี เป็นแม่ศรีเรือนที่ไม่มีอะไรบกพร่อง
แต่ เสียอย่างเดียว คือ แม่เขาไม่เก่งเรื่องบนเตียง
พ่อ เลยแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นไว้เยอะ
ความ จริงน่ะ โอปอลล์เป็นพี่น้องกับลูกเพียงแต่คนละแม่ ลูกคงแต่งงานไม่ได้”
หัวใจของธีร เดชแหลกสลาย มีอาการซึมเศร้าไปร่วมปี
กว่าจะทำใจ ได้ และออกไปจีบสาวคนใหม่ ไม่นานนักก็กลับบ้านมาประกาศข่าวดี
“ผมคุยกับเป้ ยแล้วครับ คุณพ่อคุณแม่ อีกสองเดือนเราจะแต่งงานกัน”
คุณพ่อดึงเอาตัวธีรเดชไปคุยกันสองต่องสองอีก ครั้ง
“เป้ยก็เป็นน้องของลูกเหมือนกัน พ่อเสียใจจริงๆ ที่ลูกจะไม่ได้แต่งงาน”
ธีรเดชหงุด หงิดจนคลั่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจไปฟ้องแม่
“พ่อทำงี้ได้ไงพ่อเที่ยวไปมีลูกกับผู้หญิงอื่น ทั่วอำเภอ
แล้วอย่าง นี้เมื่อไรผมถึงจะได้แต่งงาน พอผมไปรักกับสาวคนไหน
ก็กลาย เป็นว่าจีบน้องสาวคนละแม่เข้าทุกที”
แม่ของธีรเดชได้ยินแล้วแทน ที่จะโกรธกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“อย่าไปสนใจที่พ่อพูดเลย ลูกเอ๋ย ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นพ่อของลูกหรอก”


เคล็ดลับแก้เผ็ดผี
>>  อย่านอนเตียงที่มี ใต้เตียงโล่ง ถ้ากลัวมากๆก็ให้ไปนอนใต้เตียงแทน ปล่อยผีนอนบนเตียงไป
>>  ถ้ากลัวผีช่องแอร์ให้ เปิดหน้าต่างนอน ให้กระสือมาหลอกแทน
>>  ถ้ากลัวไฟปิดเปิดเองได้ ให้ถอดหลอดไฟออกทุกดวง เช่นเดียวกับก๊อกน้ำเปิดเอง ก็ให้เปิดมันทิ้งไว้
>>  ถ้าอยู่ดีๆได้กลิ่นธูป ให้คว้าการบูนมาดม
>>  ถ้าอยู่ดีๆได้ยินเสียงเพลงไทย ให้เอา ipod มาเปิด hip hop ฟัง
>>  ถ้าอยู่ดีๆ ได้ยินเสียงเด็กหรือผู้หญิงร้องไห้ ให้ลุกขึ้นมาปลอบใจผี
>>  ถ้าเพื่อนโดนผีเข้า ให้เมินมันแล้วไปนอน พอไม่มีใครสนใจผีก็จะเซ็งออกไปเอง
>>  ถ้ามีเงาอะไรผ่าน หน้าต่างไป ให้ไปยืนแถวๆหน้าต่าง ทำเงาผ่านย้อนไปบ้าง
>>  ถ้ากลัวจะมีใครมายืนอยู่ ปลายเตียง ก็ให้นอนเอาหัวมาไว้ปลายเตียง (ดูซิจะไปยืนไหน)
>>  ถ้าผีมาขอส่วนบุญ ให้ถามว่าสามารถโอนเข้าบัญชีได้ที่วัดไหน สาขาอะไร รับบัตรเครดิตหรือเปล่า?
>>  ถ้าผีจะมาให้หวย ให้บอกไปว่า รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ?โอกาสหน้ามาใหม่นะ คะ
>>  ถ้าผีจะตามกลับไปอยู่ที่บ้าน บอกให้ผีไปทำเรื่องย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในฐานะผู้อยู่อาศัย
ให้ถูกต้องตามกฏหมายเสียก่อน
>>  ถ้าไปแถวพัทยา อย่าลืมเอา Dict ไปด้วย เพราะอาจเจอผีฝรั่ง
>>  ถ้าเปิดทีวีแล้วเจอภาพบ่อน้ำ ให้เอาทีวีไปวางบนขอบระเบียง (ในกรณีที่เป็นชั้น 3 ขึ้นไป) 
ผีที่คลานออกมาจากทีวีจะตกระเบียงตายเอง
>>  ถ้าอยู่ดีๆน้ำ ฝักบัวที่อาบกลายเป็นเลือด ให้เอาถุงมารอง แล้วนำเลือดไปขายตามโรงพยาบาล
>>  ถ้าอยู่ดีๆภาพหน้าตัว เองในกระจกเป็นหน้าผี อย่าตกใจ ให้รีบหาสีเมจิกมา 1แท่งแล้วเติมหนวด
ลงไปในกระจก
>>  ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับผี ในตู้เสื้อผ้า เขียนป้ายแปะไว้ว่า “ที่หมานอน”
>> กลัว ผีนั่งทับตัวกลางดึก ให้นอนคว่ำหน้า (ถ้าคิดว่าจะหายใจไม่ออก ให้ใส่ถังสกูบ้านอน) 
หลังจากนี้ต่อให้ผีมานั่งทับก็จะไม่อึดอัด แถมยังสบายตัวคล้ายนวดกดจุด
>>  ถ้ากลัวผีในลิฟท์ ให้ยกของหนักๆไปด้วย ผีจะตามมาด้วยไม่ได้เพราะน้ำหนักจะเกิน
>>  ถ้าถ่ายรูปแล้วติดผี ให้นำหน้าผีไปตัดต่อกับภาพโป๊ ผีจะอายไม่กล้ามาหลอกอีก
>>  ถ้าคุณเริ่มเอะใจ ว่าผู้หญิงที่โบกรถมากับคุณจะเป็นผีหรือเปล่า ให้เรียกเก็บค่าโดยสาร
ก่อนที่เธอจะหายไป
>>  ถ้าคุณเห็นภาพผู้หญิง อยู่บนกระจกรถ แวะเข้าปั๊ม แล้วเรียกเด็กมาเช็ดกระจก
>>  ถ้าอยู่ดีๆคุณเห็นคนนั่ง มาตรงเบาะหลังบนกระจกมองหลัง ถามไปว่า “สรุปไปพัฒพงษ์” 
ใช่ไหมครับ?
>> ถ้าคุณพบผีเปรตในวันฝน ฟ้าคะนอง ให้ก้มตัวต่ำ ฟ้าจะผ่าโดนผีก่อน
>>  ถ้าคุณทำตามนี้ได้หมดผีจะไม่มาหลอกคุณเลยเพราะเชื่อได้เลย ว่าคุณบ้ากว่าผีอีก!!!