วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

"หัวข้อสัมมนาออนไลน์วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา หัวข้อที่ 1 การจัดการการเรียนการสอนแบบ E-learning"

e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น
          ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการจัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการ งานสอนด้านต่างๆ โดยผู้เรียนที่เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และที่สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่างๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ (Interactive Technology)
          คำว่า e-Learning นั้นมีคำที่ใช้ได้ใกล้เคียงกันอยู่หลายคำเช่น Distance Learning (การเรียนทางไกล) Computer based training (การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือเรียกย่อๆว่า CBT) online learning (การเรียนทางอินเตอร์เนต) เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยสามารถมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฎิสัมพันธ์ได้


บทบาทการเรียนการสอน E-learning ในประเทศไทย
          สังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ IT E-learning เป็นการนำไอทีไปใช้ในด้านการส่งเสริมประสิทธิภาพด้าน การเรียนการสอนในหลากหลายรูปแบบเช่น การนำมัลติมีเดียมาเป็นสื่อการสอนของครู/อาจารย์ ให้ผู้เรียน เรียนรู้ค้นคว้าด้วยตัวเอง ด้วยการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม  ในยุคปัจจุบันเป็นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Stand-alone หรือการเรียนผ่านเครือข่าย เชื่อมโยงสู่อินเทอร์เน็ตเพื่อการค้นคว้าหาข้อมูลแลกเปลี่ยนค้นข้อมูลความรู้บนเครือข่ายซึ่งที่ผ่านมาเราใช้สื่อ การเรียนการสอนในรูปแบบของสื่อผสม (Multimedia) ใช้การนำเสนอลงบนแผ่นซีดี-รอมโดยใช้ Authoring tool ทั้งภาพและเสียงเพื่อเกิดการปฏิสัมพันธ์ ให้กับผู้เรียนซึ่งสื่อเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะได้รับ ความสนใจสูงขึ้นเรื่อยๆ
การเปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบชั้นเรียนปกติกับ E-learning
          ชั้นเรียนปกติ
1. ผู้เรียนนั่งฟังการบรรยายในชั้นเรียน
2. ผู้เรียนค้นคว้าจากตำราในห้องสมุดหรือสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ
3. เรียนรู้การโต้ตอบจากการสนทนาในชั้นเรียน
4. ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่
          E-learning
1. ใช้ระบบวีดีโอออนดีมานด์เรียนผ่านทางเว็บ
2. ค้นคว้าหาข้อมูลผ่านทางเว็บที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วโลก สะดวก รวดเร็ว และทันสมัย
3. ใช้ระดานถาม-ตอบช่วยให้ผู้เรียนกล้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เต็มที่ เหมาะกับผู้เรียนจำนวน มาก
4. จะเรียนเวลาไหน ที่ใดก็ได้
เวลาของการศึกษาออนไลน์
           การศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ได้เจริญเติบโตไปทั่วทุกมุมโลก แนวโน้ม ของเทคโนโลยีดีขึ้น เร็วขึ้นและให้ผลตอบแทนที่มากขึ้นทำให้เกิดความต้องการที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ระบบการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์กำลังพัฒนามาสู่แอพพลิเคชั่น รูปแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอ
อนาคตของระบบการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์
          สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการศึกษาทางอิเล็ก ทรอนิกส์จะเติบโตและเป็นที่แพร่หลายก็คือ การที่ระบบเครือข่ายมีเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการนำเสนอระบบ การเรียนการสอนที่น่าสนใจเช่น การใช้เสียงส่งสัญญาณวีดีโอตามความต้องการ ( Video on demand) และการประชุมผ่านสัญญาณวีดีโอ ในขณะเดียวกันก็ให้บริการที่เชื่อถือได้
          ประเภทของe-learning แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
          1. Synchronous - ผู้เรียนและผู้สอนอยู่ในเวลาเดียวกัน เป็นการเรียนแบบเรียลไทม์ เน้นผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง เช่นห้องเรียนที่มีอาจารย์สอนนักศึกษาอยู่แล้วแต่นำไอทีเข้ามาเสริมการสอน
          2 . Asychronous- ผู้เรียนและผู้สอนไม่ได้อยู่ในเวลาเดียวกันไม่มีปฏิสัมพันธ์แบบเรียลไทม์ เน้นศูนย์กลางที่ผู้เรียนเป็นการเรียนด้วยตนเองผู้เรียนเรียนจากที่ใดก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต โดยสามารถเข้าไป ยังโฮมเพจเพื่อเรียน ทำแบบฝึกหัดและสอบ มีห้องให้สนทนากับเพื่อร่วมชั้นมีเว็บบอร์ดและอีเมล์ให้ถาม คำถามผู้สอน แต่ละประเภทก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป
          ข้อดี ของ Synchronous คือ ได้บรรยากาศสด ใช้กับกรณีผู้สอนมีผู้ต้องการเรียนด้วยเป็นจำนวนมาก และสามารถประเมินจำนวนผู้เรียนได้ง่าย
          ข้อเสีย ของ Synchronous คือ กำหนดเวลาในการเรียนเองไม่ได้ต้องเรียนตามเวลาที่กำหนดของคน กลุ่มใหญ่
          ข้อดี ของ Asynchronous คือ ผู้เรียน เรียนได้ตามใจชอบ จะเรียนจากที่ไหน เวลาใด ต้องการเรียน อะไรหรือให้ใครเรียนด้วยก็ได้
          ข้อเสีย ของ Asynchronus ไม่ได้บรรยากาศสด การถามด้วย chat หรือเว็บบอร์ดอาจไม่ได้รับการตอบ กลับ E – learning ในสถานศึกษา สามารถใช้ได้กับสถานศึกษา เริ่มจากที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ให้นักศึกษา รับการบ้าน ส่งการบ้านทางอินเทอร์เน็ต มีการพัฒนานำเนื้อหาไว้ที่โฮมเพจของมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาเข้า มาเรียนจากบ้านได้
          ประโยชน์จาก E-learning
          1 ความรู้ไม่สูญหายไปกับคนเพราะสามารถเก็บไว้ได้
          2 ประหยัดเวลาเดินทางและค่าใช้จ่าย
          3 ผู้เรียนเลือกได้ว่าต้องการเรียนกับอาจารย์ท่านใดหรือหลายท่านก็ได้
ที่เหลืออยากให้เพื่อนๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมกันครับ

152 ความคิดเห็น:

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

จริงไหมครับกับคำพูดที่ว่า การเรียนแบบ e-Learning ไม่ได้เป็นเพียงการเรียนโดยการรอรับความรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการเรียนโดยที่ผู้เรียนต้องเป็นคนที่มี ความสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ดังนั้น ผู้เรียนจึงได้รับ การฝึกฝน ทักษะในการค้นหาข้อมูล การเรียนรู้วิธีการเข้าถึงแหล่งความรู้ การเลือก วิธีการ เรียนรู้ และวิธีการประมวลความรู้ด้วยตนเอง

ศุภชัย ไพรินทร์ กล่าวว่า...

เป็น การแสวงหาความรู้ ผ่านเทคโนโลยี ง่าย สะดวกรวดเร็ว และประหยัดเวลา

piphatphong กล่าวว่า...

ทั้งสองท่านกล่าวมาก็มีเหตุผลดีมากครับขอเสริมนิดหนึ่งครับอันว่าความรู้มีอยู่ทุกแห่งหนความรู้อาจเป็นเหมือนดาบสองคมอยู่กับผู้นำไปใช้ก็เป็นไปได้ทุกอย่างครับ ที่กล่าวมาข้อมูลจะมีทั้งจริงและเท็จขึ้นอยู่กับความสามารถในการประเมินข้อมูลและความเห็นอย่างมีระบบ การคิดเชิงวิจารณญาณ (critical thinking) เป็นกระบวนการทางจิตสำนึกเพื่อวิเคราะห์ หรือ ประเมินข้อมูล ในคำแถลง หรือ ข้อเสนอที่มีผู้แถลงหรืออ้างว่าเป็นความจริง การคิดเชิงวิจารณญาณเป็นรูปแบบของกระบวนการที่สะท้อนให้เห็นความหมายของคำแถลง (statement) และการตรวจสอบหลักฐานที่ได้รับการไต่ตรองด้วยเหตุและผล แล้วจึงทำการตัดสินคำแถลงหรือข้อเสนอที่ถูกอ้างว่าเป็นความจริงนั้น

การคิดเชิงวิจารณญาณอาจทำได้จากการรวบรวมข้อมูล การสังเกตการณ์ ประสบการณ์ หลักแห่งเหตุและผล และ/หรือการสื่อความ การคิดเชิงวิจารณญาณต้องมีพื้นฐานของคุณค่าเชิงพุทธิปัญญาที่สูงเลยไปจากการเป็นเพียงการแบ่งเนื้อหาที่รวมไปถึง ความกระจ่างชัด ความแม่นยำ ความต้องตรงเนื้อหา หลักฐาน ความครบถ้วนและความยุติธรรม

ความหมายหรือนิยามการคิดเชิงวิจารณญาณมีมากมายและหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ไปในแนวเดียวกันคือการใช้เหตุผล หลักฐานและตรรกะมาวิเคราะห์ให้แน่ชัดก่อนลงความเห็นหรือตัดสิน

พระพุทธเจ้าได้ใช้วิธีการสอนที่อาจนับเป็นการคิดเชิงวิจารณญาณที่เรียกว่า "ปุจฉาวิสัชนา" ด้วยการให้พระสงฆ์ใช้ "วิจารณญาน" ถามตอบซักไซ้ไล่เลียงค้านกันไปมาจนได้คำตอบซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการคิดเชิงวิจารณญาณ โดยทรงให้หลักแห่งความเชื่อที่ไม่งมงายไว้ในพระสูตรชื่อ กาลามสูตร
ข้อมูลบางอย่างก็ยากแก่การวิเคราะห์จึงต้องใช้เวลาเป็นตัวพิสุทธิ์ด้วยและขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารนั้น ๆ ประกอบกับความเชื่อ ความสัทธา ขอผู้รับข้อมูลข่าวสาร แต่ก่อนที่จะเชื่อข้อมูลข่าวสารก็ต้องมีการพิสุทธิ์กันต่อไป เช่น อนาคตโลกเราจะร้อนขึ้นซึ่งเป็นสภาพที่เกิดขึ้นจริง หรือ อีก10ปีโลกจะแตกนี้ก็ต้องรอพิสุทธิ์ประกอบข้อเท็จจริงมีมากแค่ไหนอาจเป็นคำพูดเพื่อให้มนุษย์เราตื่นตัวให้ช่วยกันรักษาโลกใบนี้ก็เป็นไปได้ถ้าคิดในแง่ดีซึ่งอนาคตมนุษย์เราคงได้ไปอยู่นอกโลกก็เป็นได้เช่นกันครับ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวส่วนตัวผมคิดว่า e-learning จะเป็นตัวขับเคลื่อนระบบการศึกษาของประเทศไทยใไ้ไปในทิศทางใหม่ที่ดีขึ้น ต่างจากระบบการศึกษาเดิมๆ ที่เขาเรียกว่าระบบนกขุนแ้วนกขุนทอง ก็คือครูพูดยังไงนักเรียนก็พูดตามนั้น e-learning จะทำลายกำแพงตรงนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในประเทศคุณก็สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ ถ้าคุณไม่มีอินเตอร์เน็ตคุณก็ยังสามารถเข้าถึงได้ เดี๋ยวนี้อินเตอร์เน็ตมันมีกระจายไปทุกซอกทุกมุมแล้วครับ เห็นได้กับผมไหมเอ่ย

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

เห็นด้วยครับ และ ขอเพิ่มเติม
e-Learning คืออะไร
คำว่า e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น
ชยพล มุลาลี

supong-101 กล่าวว่า...

การจัดการเรียนการสอนแบบ e-learning น่าจะสนุกดีทั้งผู้เรียนและผู้สอน

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

e-Learning เป็นการเรียนการสอนผ่านทางคอมพิวเตอร์และเครือข่าย อินเตอร์เน็ตการ ศึกษาที่ นิยมกันมากในขณะนี้คือ Web Base Learning การ เรียนแบบนี้ ผู้เรียนสามารถ เรียนที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ไม่มีข้อ จำกัด รูปแบบการ เรียนการสอน การเรียนการสอนทางไกล (Distance Education) เป็นการเรียนการสอน ที่ ประยุกต์เทคโนโลยีหลายๆอย่าง เช่น ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การ ประชุมทาง ไกลชนิดภาพและเสียง รวมถึงเอกสารต่างๆเพื่อเข้าถึงผู้เรียนที่อยู่ห่าง ไกล แบบมหาวิทยาลัยออนไลน์ เรียกว่า Online University หรือ Virtual University* เป็นระบบการเรียนการสอนที่อยู่บนเครือ ข่ายใน รูปเว็บเพจ มีการสร้างกระดาน ถาม-ตอบ อิเล็กทรอนิกส์ (Web Board) การเรียนการ สอนผ่านทางอินเทอร์เน็ตและเว็บเพจ (Online Learning, Internet Web Base Education) เป็นการนำเสนอ เนื้อหาและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน และผู้สอนโดยเน้นสื่อประสมหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน มีการสร้างสภาวะ แวดล้อมที่ ประสานงานกัน ให้ผู้เรียนและผู้สอนเข้าถึง ฐานข้อมูลหลายชนิดได้ โดยผู้ เรียน ต้องควบคุมจังหวะการเรียนรู้ด้วยตนเองให้เป็น และเลือก เวลา สถานที่ใน การเรียน รู้ โครงข่ายการเรียนการสอนแบบอะซิงโครนัส (Asynchronous Learning Network: ALN) เป็นการเรียนการสอนที่ต้องมีการติดตามผล ระหว่างผู้เรียนกับผู้ สอน โดยใช้การทดสอบบทเรียน เป็นตัวโต้ตอบ เครื่องมือช่วยเหลือการ เรียน การสอนแบบ e-Learning เทคโนโลยีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอิน เทอร์เน็ตจะ ช่วยให้การเรียนการ สอนแบบ e-Learning ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เรา สามารถนำซอฟแวร์ที่ เกี่ยว ข้องกับการเขียนเว็บเพจ การส่งอีเมล การใช้ Search Engine Newsgroup การ ใช้ http, ftp หรือ โปรแกรมทางด้าน Authoring Tool เช่น FrontPage, Macromedia Dreamweaver เป็นต้น การสร้าง Web Board ไว้ถาม- ตอบ สิ่งที่ควร คำนึงถึงการเรียนการสอนแบบ e-Learning ในบ้านเราก็คือ คน องค์ ประกอบที่สำคัญที่จะทำให้รูปแบบ พัฒนาไปในทิศทางใด จากกรณีศึกษาโรงเรียน จิตรลดา ผู้ช่วยอาจารย์ ใหญ่ฝ่ายประถมศึกษา อาจารย์มีนา รอดคล้าย บอกว่า ระยะแรกๆต้องให้ความรู้ทางเทคโนโลยี แก่บุคลากร โดยเฉพาะผู้บริหาร ต้องให้ ท่านเห็นความสำคัญและเข้าใจในเทคโนโลยี ว่าไม่ได้ยาก อำนวย ความสะดวก สบายให้เราอย่างไร เป็นต้น อันดับต่อมาก็คือ ผู้ พัฒนาหลักสูตรและ เนื้อหาวิชา ผู้ พัฒนาระบบ ผู้ช่วยสอนและที่ปรึกษาทางการเรียน ประโยชน์ที่ได้รับ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน โดยใช้สื่ออุปกรณ์ และคลังความรู้ที่มี อยู่บน อินเตอร์เน็ต เพื่อสนับสนุน การเรียนการสอนของครูและนักเรียน เกิด เครือข่ายความรู้ ที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมซึ่งกันและ กันบน อินเตอร์เน็ต ข้อมูลจะมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ สะดวกและรวด เร็ว ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สามารถสืบค้นวิชาความรู้ไดด้วย ตนเอง โดยมีการให้ คำ ปรึกษาและชี้แนะโดยครู/อาจารย์ ลดช่องว่างระหว่างการ ศึกษาในเมือง และชนบท สร้างความเท่าเทียมกันและ กระจายโอกาสทางการศึกษาให้ เด็กชนบทได้ รู้เท่าทัน เพื่อสนับสนุนนโยบายและ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีการศึกษา และเครือ ข่ายสารสนเทศ เพื่อความสอด คล้องและสนับสนุน การปฏิรูปการศึกษา ตาม พ.ร.บ.การ ศึกษาแห่งชาติ พ. ศ.2542

t_on_g350 กล่าวว่า...

เห็นด้วยครับ
-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น
นาย ศักรินทร์ ศรประไหม
รหัส 53721014222

anuchit_101 กล่าวว่า...

เห็นด้วยครับ
การเรียนการสอนน่าจให้ความรู้มาก

นายอนุชิต วงค์ภูดร
53721014224

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมเห็นด้วยครับ การสือสารทุกวันนี้พัฒนาไปไกลมาก และจะทำยังไงให้ทันยุคสมัยที่มีสื่อต่างๆ รวมทั้งอินเตอร์เน็ต ดาวเทียม เราจะนำความรู้มาประยุกต์ใช้ยังไง ใช้ในทางที่ถูกก็ดีไป ส่วนคนที่นำความรู้ไปใช้ในทางผิด ก็จะทำให้เป็นคนที่นิสัยไม่ดี ความร้เปรียบได้เหมือนดาบสองคมจริงๆ

ธนิกา_นันทะเสนา กล่าวว่า...

เห็นด้วยค่ะ การสื่อสารรูปแบบนี้ ช่วยประหยัดเวลา และค่าเดินทาง ผู้เรียนสามารถเรียนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ โดยจำเป็นต้องไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประจำก็ได้ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลามาก การเรียน การสอน หรือการฝึกอบรมด้วยระบบ e-Learning นี้ จะสามารถประหยัดเวลาถึง 50% ของเวลาที่ใช้ครูสอน หรืออบรม ทำให้ภาคเอกชนเป็นจำนวนมากหันมานิยมใช้ระบบ e-learning ในการพัฒนาบุคลากรมากขึ้น

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

องค์ประกอบของ e- learning ที่สำคัญมี 4 ส่วน คือ
1.เนื้อหา (content) สำหรับการเรียน การศึกษาแล้วไม่ว่าจะเรียนอย่างไรก็ตามเนื้อหาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด e-Learning ก็เช่นกัน
2.ระบบบริหารการเรียน หรือ LMS ซึ่งย่อมาจาก e-Learning Management System ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสารและการกำหนดลำดับของเนื้อหาในบทเรียน แล้วนำส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังผู้เรียน ซึ่งรวมไปถึงขั้นตอนการประเมินผล ควบคุม และสนับสนุนการให้บริการทั้งหมดแก่ผู้เรียน ระบบบริหารการเรียนจะทำหน้าที่ตั้งแต่ผู้เรียนเริ่มเข้ามาเรียน โดยจัดเตรียมหลักสูตร บทเรียนทั้งหมดเอาไว้พร้อมที่จะให้ผู้เรียนได้เข้ามาเรียน เมื่อผู้เรียนได้เริ่มต้นบทเรียนแล้วระบบจะเริ่มทำงานโดยส่งบทเรียนตามคำขอของผู้เรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปแสดงที่ web browser ของผู้เรียน จากนั้นระบบก็จะติดตามและบันทึกความก้าวหน้า รวมทั้งสร้างรายงานกิจกรรมและผลการเรียนของผู้เรียนในทุกหน่วยการเรียนอย่างละเอียด จนกระทั่งจบหลักสูตร
3.การติดต่อสื่อสาร มีเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้ติดต่อสอบถาม ปรึกษาหารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างตัวผู้เรียนกับครู อาจารย์ผู้สอน และระหว่างผู้เรียนกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนอื่นๆ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
· ประเภทช่วงเวลาเดียวกัน (synchronous) ได้แก่ chat
· ประเภทช่วงเวลาต่างกัน (asynchronous) ได้แก่ web-board, e-mail
4.การสอบ/วัดผลการเรียน โดยทั่วไปแล้วการเรียนไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระดับใด หรือเรียนวิธีใด ก็ย่อมต้องมีการสอบ/การวัดผลการเรียนเป็นส่วนหนึ่งอยู่เสมอ การสอบ/วัดผลการเรียนจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้การเรียนแบบ e-Learning เป็นการเรียนที่สมบูรณ์ บางวิชาจำเป็นต้องวัดระดับความรู้ก่อนสมัครเข้าเรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนในบทเรียน หลักสูตรที่เหมาะสมกับตนมากที่สุด ซึ่งจะทำให้การเรียนที่จะเกิดขึ้นเป็นการเรียนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเข้าสู่บทเรียนในแต่ละหลักสูตรก็จะมีการสอบย่อยท้ายบท และการสอบใหญ่ก่อนที่จะจบหลักสูตร

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ความเป็นมาของ e-learning ในปะรเทศไทย ประเทศไทยได้มีการนำคอมพิวเตอร์ มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสื่อการเรียน การถ่ายทอดความรู้เป็นระยะเวลานานพอสมควร โดยอาจจะนับได้ว่า จุดเริ่มต้นตั้งแต่การใช้คอมพิวเตอร ์เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน วิชาคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็มีการสร้างสื่อการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ แทนที่เอกสารหนังสือ ที่เรียกว่า สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) ซึ่งมีซอฟต์แวร์ที่เป็นเครื่องมือให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย ทั้งที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการดอส เช่น โปรแกรมจุฬาซีเอไอ (Chula CAI) ที่พัฒนาโดยแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โปรแกรม ThaiTas ได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์เทคโนโลยีเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ รวมถึงซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจากต่างประเทศ เช่น ShowPartnet F/X, ToolBook, Authorware
ในปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตได้พัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้ก้าวมาเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอน การฝึกอบรม รวมทั้งการถ่ายทอดความรู้ โดยพัฒนา CAI เดิมๆ ให้เป็น WBI (Web Based Instruction) หรือการเรียนการสอนผ่านบริการเว็บเพจ ส่งผลให้ข้อมูลในรูปแบบ WBI สามารถเผยแพร่ได้รวดเร็ว และกว้างไกลกว่าสื่อ CAI ปกติ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ผศ.ดร.ถนอมพร (ตันพิพัฒน์) เลาหจรัสแสง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้คำจำกัดความไว้ 2 ลักษณะ คือ
ลักษณะแรก e-Learning หมายถึง การเรียนเนื้อหา หรือสารสนเทศสำหรบการสอน หรือการอบรม ซึ่งใช้การนำเสนอด้วยตัวอักษร ภาพนิ่ง ผสมผสานกับการใช้ภาพเคลื่อนไหว วีดิทัศน์และเสียง โดยอาศัยเทคโนโลยีของเว็บ (Web Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมทั้งใช้เทคโนโลยีการจัดการคอร์ส (Course Management System) ในการบริหารจัดการงานสอนต่างๆ …..
ลักษณะที่สอง e-Learning คือ การเรียนในลักษณะใดก็ได้ ซึ่งใช้การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือสัญญาณโทรทัศน์ สัญญาณดาวเทียม

ai กล่าวว่า...

ณัฐนนท์ วิเศษโวหาร
เห็นด้วยมากมาย

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

"การเรียนรู้แบบออนไลน์ หรือ e-learning การศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต(Internet) หรืออินทราเน็ต(Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser โดยผู้เรียน ผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อ สื่อสารที่ทันสมัย(e-mail, web-board, chat) จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน, เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ (Learn for all : anyone, anywhere and anytime)"

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

การเรียนที่เรียกว่า e-Learning เป็นวิธีการเรียนรู้แบบใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจและสร้าง มิติใหม่ของการเรียนรู้ที่เปิดกว้างกระจายไปถึงผู้คนได้ทั่วโลก สร้างโอกาสของการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิตและเรียนในสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ด้วยการเข้าถึงฐานความรู้ได้อย่างกว้างขวางทั่วโลก สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และติดต่อสื่อสารถึงกันและกันได้อย่างรวดเร็ว เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (ไอทีปริทัศน์. 2544 : 1)
e-Learning เป็นการเรียนการสอนทางไกลที่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง World Wide Web ซึ่ง ผู้เรียนและผู้สอนใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลมากมาย ที่มีอยู่ทั่วโลกอย่างไร้ขอบเขตจำกัด ทำให้ระบบการเรียนการสอนเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นระบบปิดมาเป็นระบบเปิด ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากแหล่งวิชาที่มีการเชื่อมโยงอยู่ในเว็บ โดยไม่มีอุปสรรคทางด้านภูมิศาสตร์ ระยะทาง และเวลา การเรียนในลักษณะนี้ช่วยทำให้ผู้สอนและผู้เรียนเป็นอิสระจากปัญหาการจัดตารางเรียนตารางสอน เพราะผู้เรียนสามารถเข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้ตามความสะดวกตามต้องการ ผู้เรียนเป็นผู้ควบคุมการเรียนด้วยตนเอง ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่เป็นไปตามพัฒนาการของตนเอง ช่วยในการปรับเปลี่ยนบทบาทของผู้สอนจากผู้บอกและถ่ายทอดมาเป็นผู้ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา และอำนวยความสะดวก ในขณะที่ผู้เรียนมีบทบาทเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าและสำรวจข้อมูลในลักษณะการเรียนรู้ร่วมกันและมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเองมิใช่เป็นแต่เพียงผู้รอรับ
ดังนั้น e-Learning จึงเป็นวิธีการเรียนรู้ที่สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น ทำให้การศึกษา เกิดขึ้นได้ในทุกที่ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน สถานศึกษา และอื่น ๆ การเรียนรู้เน้นการแสวงหาและการรู้จักเลือก ข้อมูลเพื่อการเสริมแต่งความรู้ เป็นการเรียนรู้ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันภายในกลุ่มที่เรียนรู้ร่วมกัน และยังสามารถขยายความสัมพันธ์ไปยังบุคคลภายนอกกลุ่มที่ติดต่อ หรือเป็นแหล่งทรัพยากรของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพึ่งพาช่วยเหลือกัน ทั้งนี้การเชื่อมต่อถึงกันผ่านระบบเครือข่ายทำให้มีช่องทางของการติดต่อระหว่างกัน ช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้เรียนและผู้สอน และระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียนได้อีกด้วย

อรทัย วิสัชนาม รหัส 141212 กล่าวว่า...

ดีมากเลยคะ การเรียนการสอนแบบ e-learning เป็นการเรียนแบบสมัยใหม่ทำให้นักเรียนอยากรู้อยากเห็นเพิ่มมากขึ้น เหมาะมากคะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าหรือเรียนตามคุณครูไม่ทัน เพราะเราสามารถนำมาศึกษาย้อนหลังได้ very good!

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ข้อดีของ e-Learning
1. e-Learning ช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการถ่ายทอดเนื้อหาผ่านมัลติมีเดียที่ได้รับการออกแบบและผลิตอย่างมีระบบจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการเรียนจากสื่อข้อความเพียงอย่างเดียว
2. e-Learning ช่วยให้ผู้สอนสามารถตรวจสอบความก้าวหน้าพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียนได้อย่างละเอียดและตลอดเวลา
3. e-Learning ช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนรู้ของตนเองได้ โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลใดก่อนหรือหลังก็ได้ ตามพื้นฐานความรู้ ความถนัด และความสนใจของตน ทำให้ได้รับความรู้และมีการจดจำที่ดีขึ้น
4. e-Learning ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับครูผู้สอน และกับเพื่อน ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย
5. e-Learning เป็นการเรียนที่ผู้เรียนแต่ละคน จะได้รับเนื้อหาของบทเรียนเหมือนเดิมทุกครั้ง
6. e-Learning ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ รวมทั้งเนื้อหามีความทันสมัย และตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันได้อย่างทันที
7. e-Learning ทำให้เกิดการเรียนการสอนแก่ผู้เรียนในวงกว้างขึ้น เป็นการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต

อรทัย วิสัชนาม รหัส 141212 กล่าวว่า...

เพื่อนๆ มีข้อคิดเห็นต่างจากนี้มั้ยค่ะ

อรทัย วิสัชนาม รหัส 141212 กล่าวว่า...

การศึกษาทางไกลด้วย e-learning มีข้อดีและข้อจำกัดเหมือนกันนะค่ะ
ข้อดี
1.เอื้ออำนวยให้กับการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ รวมทั้งบุคคล
2.ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องการเรียนและสอนในเวลาเดียวกัน
3.ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องมาพบกันในห้องเรียน
4.ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และผู้สอนที่ไม่พร้อมด้านเวลา ระยะทางในการเรียนได้เป็นอย่างดี
5.ผู้เรียนที่ไม่มีความมั่นใจ กลัวการตอบคำถาม ตั้งคำถาม ตั้งประเด็นการเรียนรู้ในห้องเรียน มีความกล้ามากกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องแสดงตนต่อหน้าผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้น โดยอาศัยเครื่องมือ เช่น E-Mail, Webboard, Chat, Newsgroup แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ
ข้อจำกัด
1.ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึก ปฏิกิริยาที่แท้จริงของผู้เรียนและผู้สอน
2.ไม่สามารถสื่อความรู้สึก อารมย์ในการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง
3.ผู้เรียน และผู้สอน จะต้องมีความพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ทั้งด้านอุปกรณ์ ทักษะการใช้งาน
4.ผู้เรียนบางคน ไม่สามารถศึกษาด้วยตนเองได้

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ถูกต้องครับ เห็นด้วย กับอาจารย์น้อย

ภาษิต กล่าวว่า...

ผมก็เห็นด้วยนะครับที่ว่าการศึกษาทางไกลด้วย e-learning มีข้อดีและข้อจำกัด

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

เห็นด้วยกับชยพล มุลาลี เป็นการเรียนการสอนแบบหลายรูปแบบ เช่นซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม จะทำให้ผู้เรียนมีความใส่ใจการเรียนกับสิ่งแปลกใหม่เพิ่มขึ้น

ชมนาท พรหมโคตร กล่าวว่า...

e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต ซึ่งปัจจุบันถือเป็นการดีนะค่ะ เพราะว่าสะดวกสบายอยู่ที่ไหนก็สามารถเรียนรู้ได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนภายในห้องเรียนเท่านั้น
ทำให้ผู้เรียนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ ทันสมัยก้าวไกล

ชมนาท พรหมโคตร กล่าวว่า...

ที่สำคัญประโยชน์ที่เราได้จาก E-learning คือ
1 ความรู้ไม่สูญหายไปกับคนเพราะสามารถเก็บไว้ได้
2 ประหยัดเวลาเดินทางและค่าใช้จ่าย
3 ผู้เรียนเลือกได้ว่าต้องการเรียนกับอาจารย์ท่านใดหรือหลายท่านก็ได้

แจ๋วมั๊กมั่กเลยค่ะ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

วันที่ 4 ตุลาคม อย่าลืมไปปฐมนิเทศฝึกประสบการณ์กับอาจารย์จำเนียร ที่ รร.ธีรภาดา ตอนเย็นกันทุกคนนะครับ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ประโยชน์ของ e-Learning ::
ยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเนื้อหา และ สะดวกในการเรียน
การเรียนการสอนผ่านระบบ e-Learning นั้นง่ายต่อการแก้ไขเนื้อหา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะสามารถกระทำได้ตามใจของผู้้สอน เนื่องจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้ผู้เรียนก็สามารถเรียนโดยไม่จำกัดเวลา และสถานที่
เข้าถึงได้ง่าย
ผู้เรียน และผู้สอนสามารถเข้าถึง e-learning ได้ง่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรียน อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดที่เหมาะกับสื่อการเรียนการสอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และในปัจจุบันนี้ การเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกระทำได้ง่ายขึ้นมาก และยังมีค่าเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มีราคาต่ำลงมากว่าแต่ก่อนอีกด้วย
ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยกระทำได้ง่าย
เนื่องจากผู้สอน หรือผู้สร้างสรรค์งาน e-Learning จะสามารถเข้าถึง server ได้จากที่ใดก็ได้ การแก้ไขข้อมูล และการปรับปรุงข้อมูล จึงทำได้ทันเวลาด้วยความรวดเร็ว
ประหยัดเวลา และค่าเดินทาง
ผู้เรียนสามารถเรียนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ โดยจำเป็นต้องไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประจำก็ได้ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลามาก การเรียน การสอน หรือการฝึกอบรมด้วยระบบ e-Learning นี้ จะสามารถประหยัดเวลาถึง 50% ของเวลาที่ใช้ครูสอน หรืออบรม

ปฐมาวดี คำไฮ กล่าวว่า...

ในปัจจุบันได้มีการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบ e-Learning กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก สำหรับใน
ประเทศไทย รัฐบาลส่งเสริมให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้ในรูปแบบ e-Learning เพิ่มมากขึ้น เพราะ
การเรียนในระบบ e-Learning ตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคล เนื่องจากเป็นบทเรียนที่
ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความถนัด ตามความต้องการซึ่งจะส่งผลได้ผู้เรียนสามารถใช้
ศักยภาพของ ตนเองได้มากที่สุด

Unknown กล่าวว่า...

เหนด้วยกับทุกคนเลยค่ะ เปนการเรียนผ่านเว็บไซค์มีการใช้ระบบวีดีโอออนดีมานด์เรียนผ่านทางเว็บ ค้นคว้าหาข้อมูลผ่านทางเว็บที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วโลก สะดวก รวดเร็ว และทันสมัย ใช้ระดานถาม-ตอบช่วยให้ผู้เรียนกล้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เต็มที่ เหมาะกับผู้เรียนจำนวน มาก จะเรียนเวลาไหน ที่ใดก็ได้

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒

หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
รัฐจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารในรูปอื่นเพื่อประโยชน์สำหรับการศึกษา การทะนุบำรุง ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมตามความจำเป็น รัฐส่งเสริมสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและพัฒนาแบบเรียน ตำรา สื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่น โดยจัดให้มีเงินสนับสนุนและเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ให้มีการพัฒนาบุคลากร ทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในโอกาสแรกที่ทำได้ อันจะนำไปสู่การแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ให้มีการระดมทุน เพื่อจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา จากเงินอุดหนุนของรัฐ ค่าสัมปทานและผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการ ด้านสื่อสารมวลชขน เทคโนโลยีสารสนเทศ และโทรคมนาคมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรประชาชน รวมทั้งให้มีการลดอัตราค่าบริการเป็นพิเศษในการใช้เทคโนโลยี ให้มีหน่วยงานกลาง ทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน ส่งเสริม และประสานการวิจัย การพัฒนาและการใช้ รวมทั้งการประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพของการผลิตและการใช้เทคโนโลยีเพื่อ การศึกษา

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การศึกษาแบบ e-Learning กลับเป็นเรื่องที่นักการศึกษาในบ้านเราเพิ่งหันมาให้ความสนใจกันในขณะนี้ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในวงการศึกษา ระบบสาธารณูปโภคและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเรียนจาก e-Learning นี้เพิ่งจะมีความพร้อมและได้รับความนิยม เป็นที่แพร่หลายในเวลาไม่นาน ประกอบกับราคาของเทคโนโลยีเหล่านี้เพิ่งจะมีราคาลดลง เป็นรูปแบบการเรียนการสอน ที่สามารถนำไปใช้ได้หลายระดับ ครูผู้สอนควรพิจารณานำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับความพร้อม ความถนัด ความ สนใจและความต้องการของตน แต่อย่างไรก็ดี ผู้สอนที่สนใจจะนำ e-Learning ไปใช้กับการสอนในลักษณะสื่อเติม หรือ สื่อหลัก จะต้องให้ความร่วมมือในช่วงของการออกแบบและการพัฒนาอย่างเต็มที่ ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ สามารถถ่ายทอดการสอนได้ใกล้เคียงกับการสอนจริงมากที่สุดเสียก่อน นอกจากนี้ ผู้สอนควรที่จะต้องมีการศึกษาหา รูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการเรียนการสอนจาก e-Learning ของตนเพื่อให้เกิดทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อการ ศึกษาของผู้เรียนอย่างแท้จริง

Unknown กล่าวว่า...

ปัจจุบัน E-learning ได้ถูกพัฒนาให้สามารถใช้ได้กับสื่อหลายหลายชนิด เช่น ผ่านทาง online ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และสื่ออิเล็คทรอนิกส์อีกหลากหลายประเภท
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า E-learning มีความสำคัญและเหมาะสมกับสภาพสังคมในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง มีเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ น้อยลง
แต่เครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น การพัฒนา E-learning ให้รองรับกับเครื่องมือหรืออุปกรณ์เหล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เช่นการพัฒนา M-learning และ U-learning ที่สามารถรองรับกับเครื่องมือและอุปกรณ์สมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์มือถือ, iPad, Notebook, Broadband Internet ฯลฯ
ทำให้สามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้นครับ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

มุ่งสู่การพัฒนาองค์กรการศึกษาให้เป็น Learning Organization
หากคำตอบของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา หมายถึง งบประมาณที่ถูกใช้ในการจัดการศึกษา รวมถึงงบประมาณที่นำมาใช้ในการลงทุนกับเทคโนโลยีและรูปแบบในการจัดการศึกษาเพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีนั้นแล้ว คุณภาพของบุคลากรทางการศึกษาอาจเป็นคำตอบสำคัญที่ไม่สามารถอ้างอิงกับตัวเลขงบประมาณที่ทุ่มลงไปได้ การพัฒนาคุณภาพของบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งไม่ใช่แค่เพียง E-learning เพราะสิ่งที่ต้องการไม่ใช่เพียงให้ได้เรียนรู้ แต่บุคลากรทางการศึกษามีความจำเป็นจะต้องแปลง Knowledge เป็น Wisdom ได้ด้วย

ซึ่งจำเป็นต้องมีส่วนประกอบมากกว่าแค่เพียง E-learning คือจะต้องมีส่วนประกอบที่จะนำเอาความรู้มาจัดเก็บ รวบรวมให้มีฐานความรู้ที่มากเพียงพอที่จะเกิดประโยชน์ได้ และกระจายความรู้ออกไปเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะได้เรียนรู้ตลอดเวลา

นอกจากนี้บุคลากรทางการศึกษาเองก็ต้องมีการปรับตัวด้วยคือ ต้องมีความกระหายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนางานและพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น และแน่นอน จำเป็นต้องมีการเปลี่ยน Culture ของคนและสร้างแรงกระตุ้นเพิ่มด้วย เพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญและเข้ามาเรียนรู้จากระบบ (Self-Learning) ผ่านเทคโนโลยีการถ่ายทอดความรู้ ดังเช่นที่ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทยได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดว่า จุดสำคัญอยู่ที่การบริหาร ทูลส์เป็นส่วนเสริม นั่นเอง

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

e-learning หมายถึงการศึกษาที่เรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตโดยผู้เรียนรู้จะเรียนรู้ด้วยตัวเองการเรียนรู้จะเป็นไปตามปัจจัยภายใต้ทฤษฎีแห่งการเรียนรู้สองประการคือ เรียนตามความรู้ความสามารถของผู้เรียนเอง และ การตอบสนองใน ความแตกต่างระหว่างบุคคล(เวลาที่แต่ละบุคคลใช้ในการเรียนรู้)การเรียนจะ กระทำผ่านสื่อบนเครือข่ายอินเตอร์เนต โดยผู้สอนจะนำเสนอข้อมูลความรู้ให้ผู้เรียนได้ทำการศึกษาผ่านบริการ World Wide Web หรือเวปไซด์ โดยอาจให้มีปฏิสัมพันธ์ (สนทนา โต้ตอบ ส่งข่าวสาร) ระหว่างกัน จะที่มีการ เรียนรู้ ู้ในสามรูปแบบคือ ผู้สอนกับ ผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้เรียนอีกคนหนึ่ง หรือผู้เรียนหนึ่งคนกับกลุ่มของผู้เรียน ปฏิสัมพันธ์นี้สามารถ กระทำ ผ่านเครื่องมือสองลักษณะคือ
- แบบ Real-time ได้แก่การสนทนาในลักษณะของการพิมพ์ข้อความแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน หรือ ส่งในลักษณะของเสียง จากบริการของ Chat room
- แบบ Non real-time ได้แก่การส่งข้อความถึงกันผ่านทางบริการ อิเลคทรอนิคเมลล์ WebBoard News-group เป็นต้น

การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ e-learning การศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต(Internet) หรืออินทราเน็ต(Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตาม ความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพเสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser โดยผู้เรียน ผู้สอน และ เพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับ การเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อ สื่อสารที่ทันสมัย(e-mail, web-board, chat) จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน, เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ (Learn for all : anyone, anywhere and anytime)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ปุ๊ สุกัญญา มนตรีกล่าวว่า
คำว่า e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น

ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการจัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการ งานสอนด้านต่างๆ โดยผู้เรียนที่เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และที่สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่างๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ (Interactive Technology)

คำว่า e-Learning นั้นมีคำที่ใช้ได้ใกล้เคียงกันอยู่หลายคำเช่น Distance Learning (การเรียนทางไกล) Computer based training (การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือเรียกย่อๆว่า CBT) online learning (การเรียนทางอินเตอร์เนต) เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยสามารถมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฎิสัมพันธ์ได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ปุ๊ สุกัญญา มนตรี กล่าวว่า
ประโยชน์ของ e-Learning
ยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเนื้อหา และ สะดวกในการเรียน
การเรียนการสอนผ่านระบบ e-Learning นั้นง่ายต่อการแก้ไขเนื้อหา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะสามารถกระทำได้ตามใจของผู้้สอน เนื่องจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้ผู้เรียนก็สามารถเรียนโดยไม่จำกัดเวลา และสถานที่

เข้าถึงได้ง่าย
ผู้เรียน และผู้สอนสามารถเข้าถึง e-learning ได้ง่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรียน อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดที่เหมาะกับสื่อการเรียนการสอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และในปัจจุบันนี้ การเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกระทำได้ง่ายขึ้นมาก และยังมีค่าเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มีราคาต่ำลงมากว่าแต่ก่อนอีกด้วย

ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยกระทำได้ง่าย
เนื่องจากผู้สอน หรือผู้สร้างสรรค์งาน e-Learning จะสามารถเข้าถึง server ได้จากที่ใดก็ได้ การแก้ไขข้อมูล และการปรับปรุงข้อมูล จึงทำได้ทันเวลาด้วยความรวดเร็ว

ประหยัดเวลา และค่าเดินทาง
ผู้เรียนสามารถเรียนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ โดยจำเป็นต้องไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประจำก็ได้ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลามาก การเรียน การสอน หรือการฝึกอบรมด้วยระบบ e-Learning นี้ จะสามารถประหยัดเวลาถึง 50% ของเวลาที่ใช้ครูสอน หรืออบรม

ปุ๊ (สุกัญญา มนตรี) กล่าวว่า...

คำว่า e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น

ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการจัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการ งานสอนด้านต่างๆ โดยผู้เรียนที่เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และที่สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่างๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ (Interactive Technology)

คำว่า e-Learning นั้นมีคำที่ใช้ได้ใกล้เคียงกันอยู่หลายคำเช่น Distance Learning (การเรียนทางไกล) Computer based training (การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือเรียกย่อๆว่า CBT) online learning (การเรียนทางอินเตอร์เนต) เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยสามารถมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฎิสัมพันธ์ได้

ปุ๊ (สุกัญญา มนตรี) กล่าวว่า...

ประโยชน์ของ e-Learning
ยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเนื้อหา และ สะดวกในการเรียน
การเรียนการสอนผ่านระบบ e-Learning นั้นง่ายต่อการแก้ไขเนื้อหา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะสามารถกระทำได้ตามใจของผู้้สอน เนื่องจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้ผู้เรียนก็สามารถเรียนโดยไม่จำกัดเวลา และสถานที่

เข้าถึงได้ง่าย
ผู้เรียน และผู้สอนสามารถเข้าถึง e-learning ได้ง่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรียน อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดที่เหมาะกับสื่อการเรียนการสอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และในปัจจุบันนี้ การเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกระทำได้ง่ายขึ้นมาก และยังมีค่าเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มีราคาต่ำลงมากว่าแต่ก่อนอีกด้วย

ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยกระทำได้ง่าย
เนื่องจากผู้สอน หรือผู้สร้างสรรค์งาน e-Learning จะสามารถเข้าถึง server ได้จากที่ใดก็ได้ การแก้ไขข้อมูล และการปรับปรุงข้อมูล จึงทำได้ทันเวลาด้วยความรวดเร็ว

ประหยัดเวลา และค่าเดินทาง
ผู้เรียนสามารถเรียนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ โดยจำเป็นต้องไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประจำก็ได้ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลามาก การเรียน การสอน หรือการฝึกอบรมด้วยระบบ e-Learning นี้ จะสามารถประหยัดเวลาถึง 50% ของเวลาที่ใช้ครูสอน หรืออบรม

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

E-learning กำลังส่งอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาในปัจจุบันและในอนาคต เพราะไม่เพียงแต่นำมาทดแทนครูผู้สอนได้เท่านั้น ยังช่วยในการขยายโอกาสด้านการศึกษาไปสู่พื้นที่ห่างไกล ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และช่วยการลดต้นทุนทางการศึกษา จำเป็นที่ภาครัฐจะพัฒนา E-learning ให้ทันสมัย พร้อมสำหรับการศึกษารูปแบบใหม่ในอนาคต

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

การเรียนการสอนแบบ E-Learning อาจจะไม่เหมาะสมในทุกสถานการณ์หรืออาจจะไม่เหมาะกับผู้เรียนทุกคน ดังที่มีการศึกษายืนยันแล้วว่าคุณภาพของการสอนไม่ได้ขึ้นอยู่กับสื่อที่ใช้ ดังนั้นการเรียนแบบ E-Learning จึงต้องอาศัยความตั้งใจของผู้เรียนที่จะต้องเรียนให้สำเร็จ นอกจากนั้น ปัจจัยสำคัญที่จะสร้างประสิทธิภาพของการเรียนการสอนแบบ E-Learning ให้เกิดขึ้นได้ก็คือการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน การให้ผลย้อนกลับโดยทันที รวมทั้งความยืดหยุ่นของเว็บที่ทำให้ผู้สอนสามารประยุกต์เข้ากับการเรียนการสอนได้หลายรูปแบบ เพื่อทำให้เกิดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการเรียนการสอนแบบ E-Learning นั่นเอง

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

อีเลินนิ่ง หรือ อีเลิร์นนิ่ง (e-Learning = Electronic Learning) คืออะไร
ความหมายของอีเลินนิ่ง หรือ อีเลิร์นนิ่ง (e-Learning) ถูกตีความต่างกันไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน แต่มีส่วนที่เหมือนกัน คือ ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ โดยมีการพัฒนา และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีตลอดเวลา
#1 อีเลิร์นนิ่ง คือ การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
#2 อีเลิร์นนิ่ง คือ การใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตเข้ามาส่งเสริมการเรียน การสอน ให้เกิดประสิทธิผล คำที่มีความหมายใกล้เคียงกับอีเลิร์นนิ่ง เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI = Computer Assisted Instruction) หรือ การสอนโดยใช้เว็บเป็นฐาน (WBI = Web-based Instruction) หรือ การเรียนรู้โดยใช้เว็บเป็นฐาน (Web-based Learning)

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

e-learning ที่เป็นคำฮิตขึ้นมาใหม่ในระยะนี้ ก็คือ learning ที่อาศัย ?e? หรือ electronics(ตัวเดียวกับใน e-commerce นั่นเอง) เข้ามาช่วย เทคโนโลยีของ e-learning กำลังจะเข้ามามีความสำคัญ ต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นบุคคลคนเดียว องค์กร สถาบันทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเข้ามามีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดข้อมูลความรู้ (knowledge) ต่างๆ พร้อมกับเปิดโอกาส ให้มีการฝึกปฏิบัติด้วยตัวเองของผู้เรียนแต่ละคน e-learning จะเข้ามามีบทบาททั้งในด้านธุรกิจ และการศึกษา โดยทั่วไปการถ่ายทอดเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITEducation) รวมถึงการฝึกอบรม (training) ผ่านบริการออนไลน์ เกิดจากการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้มาผนวกเข้ากับเนื้อหาวิชาในแต่ละสาขา ก็จะทำให้ผู้ที่ทำงานอยู่ในองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชนและรวมถึงบุคคลทั่วไป
ในปัจจุบันสถาบันการศึกษา เปรียบได้กับบริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง ที่มีลูกค้าคือ นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ลงทะเบียนเข้ามาเรียน นั่นหมายความว่า ถ้าค้นพบว่าลูกค้ามีความต้องการอะไร ในฐานะบริษัทฯก็ควรจะตอบสนองความต้องการของลูกค้านั้น ให้ได้มากที่สุด
แต่การตอบสนองความต้องการ ที่นับวันจะหลากหลายมากขึ้นในปัจจุบันนั้น หากทำกันด้วยวิธีการเดิมๆก็อาจต้องใช้ทรัพยากรต่างๆ (ที่ไม่เพียงพออยู่แล้ว) อย่างมากมายมหาศาลสถาบันการศึกษาอาจต้องมีทั้งผู้สอน และเครื่องไม้เครื่องมือที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมากจึงจะสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ แต่ก็อาจไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เช่น ต้องมีคณาจารย์ให้ครบในสาขาวิชาปลีกย่อยหลายๆอย่าง (ที่อาจมีผู้เรียนแต่ละวิชาไม่มากพอ) ต้องมีโปรแกรม ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ สำหรับให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติครบคน (ทั้งที่ผู้เรียนส่วนมาก ก็อาจมีเครื่องใช้เองอยู่แล้วซึ่งอาจใหม่กว่า หรือดีกว่าของสถาบันเสียอีก เพราะซื้อทีหลัง) หรือนักศึกษาที่เรียนในภาคค่ำไม่สามารถเดินทางมาเข้าเรียนได้ทัน เพราะปัญหาจราจร (หรือมาทันก็เหนื่อยจนหมดแรงที่จะเรียน) และปัญหาอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งระบบ e-learning จะเข้ามาช่วยในส่วนนี้ได้
ระบบการเรียนการสอนแบบ e-learning เป็นระบบที่มีกระบวนการเรียนการสอน ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคส์ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งสื่อแบบ offline, online หรือ web-based หรือแม้แต่ผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายๆชนิด เช่นโทรทัศน์, วิทยุ, เทป, ซีดีรอม หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ ที่ต่อเชื่อมกับอินเตอร์เน็ตได้หรือการติดต่อผ่านระบบดาวเทียม ที่ไม่ได้มีการพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ ทำให้การปรับปรุงแก้ไขทำได้โดยสะดวกและรวดเร็ว
ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่เข้าใจอย่างกว้างๆกันว่า ?e-learning หมายถึงระบบการศึกษาหรือการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตามความสามารถและความสนใจ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต (Internet)หรืออินทราเน็ต (Intranet) โดยเนื้อหาของหลักสูตร หรือบทเรียนที่จะศึกษา จะประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และมัลติมีเดียต่างๆ ที่จะถูกส่งผ่านเว็บเบราเซอร์ไปยังผู้เรียนทำให้ทุกคนสามารถติดต่อสื่อสาร และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันได้ โดยอาศัยการส่งผ่าน e-mail,chat และ web-board เป็นต้น และถือเป็นการเรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่? e-learning ถือเป็นระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งบุคคล องค์กร สถาบัน สามารถจะจัดทำขึ้นมาเองหรืออาศัยบริษัทผู้ให้บริการ ที่เรียกว่า Learning Service Provider จัดการให้ก็ได้ ประโยชน์อีกลักษณะหนึ่งของการใช้ e-learning ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ในห้องเรียนแบบเดิม (traditionalclassroom) ก็คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเรียนรู้ (learn) ของผู้เรียนหรือผู้เข้าอบรมโดยการสนับสนุนให้ผู้เรียน ได้รับการเรียนรู้แบบมีการโต้ตอบ (interactive) และเป็นแบบเห็นจริง (visual)อันจะเอื้ออำนวยให้เข้าใจแนวความคิดที่ซับซ้อน และได้รับข้อมูลความรู้อย่างถูกต้องมากกว่าการนั่งฟังบรรยายเฉยๆ เพราะตามที่ทราบกันอยู่แล้วว่า การศึกษาในหลายสาขาวิชานั้นต้องการการอบรมที่ให้เห็นเสมือนเป็นการทำงานจริง (simulate) คือมีการโต้ตอบ และแสดงผลโดยภาพกราฟิกที่มีคุณภาพดี หรือมีภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการมีแบบทดสอบ เพื่อวัดความรู้ของตนเอง นอกจากนี้ ถ้ามองกันถึงการใช้ e-learning เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กหรือนักศึกษาหรือผู้ที่อาศัยห่างไกลออกไป ก็เท่ากับเป็นการลดช่องว่างในการศึกษาระหว่างผู้ที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง (หรือจังหวัดใหญ่ๆ) กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบท(จังหวัดเล็กๆหรือต่างจังหวัด) ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้องค์ประกอบที่สำคัญ ที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด ในการเรียนการสอนแบบ e-learning ก็คือ ?คน?ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญ ที่จะกำหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษา โดยต้องเริ่มตั้งแต่การให้ความรู้ทางเทคโนโลยีแก่บุคคลทุกคนทุกเพศทุกวัย ให้เปิดรับและทำความเข้าใจว่า e-learning มีความสำคัญอย่างไรช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนแต่ละคน บริษัท หน่วยงาน สถาบันต่างๆ อะไรบ้าง และที่สำคัญก็คือจะช่วยในการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทยอย่างไร

พิพัฒน์พงษ์ กล่าวว่า...

แหล่งที่มา
http://www.smu.ac.th/catalog.php?idp=72

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

Virtual หมายถึง เสมือน Virtual University คล้ายๆการเรียนการสอนแบบ e-Learning เหมือนกับการจำลองสถานที่เรียน โดยผ่านทางเครือข่าย ไม่เหมือนห้องเรียนแบบเก่าที่มีครู/อาจารย์มาสอนหน้าชั้นเรียน จึงดูเหมือนของปลอม ต่อมาจึงได้มีการบัญญัติศัพท์เป็นภาษาไทยขึ้นมาใหม่เพื่อใช้แทนคำว่า "เสมือน" คำนั้นก็คือ โทรสนเทศ หรือมหาวิทยาลัยโทรสนเทศ

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

มาตรการการส่งเสริมการเรียนการสอนแบบ e-Learning

จัดทำโครงสร้างโอกาสทางเทคโนโลยี (Digital Opportunity Program) โดยการลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงเทคโนโลยี สร้างเครือข่ายการให้บริการการศึกษาครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งผู้พัฒนาและการให้บริการเนื้อหา
จัดตั้งกลุ่มของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาเนื้อหาและธนาคารความรู้ (Knowledge Depository)
จัดทำโครงการระดับประเทศ เพื่อสร้างความตื่นตัวและเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สร้างมาตรการแรงจูงใจโดยมาตรการทางภาษี หรือการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ให้ภาคเอกชนจัดบริการการศึกษาออนไลน์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
สร้างเกณฑ์เปรียบเทียบ (Benchmark) และมาตรฐานขั้นต่ำ (Minimum Requirement) เพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการของผู้ให้บริการการศึกษาจากธุรกิจภาคเอกชน
จัดตั้งกองทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา โดยการระดมทุนจากภาครัฐและเอกชน เพื่อลดการนำเข้าและเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ นวัตกรรมทางการศึกษา
ให้การสนับสนุนความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และต่างประเทศในการพัฒนาการเรียนรู้
ทบทวนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรับรองสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
สนับสนุนและลงทุนในโครงการนำร่องต่างๆที่เกี่ยวกับ Virtual University เพื่อให้เกิดความคุ้มทุนและเกิดประสิทธิภาพที่ดีในระยะยาว

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

มาตรการการส่งเสริมการเรียนการสอนแบบ e-Learning

จัดทำโครงสร้างโอกาสทางเทคโนโลยี (Digital Opportunity Program) โดยการลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงเทคโนโลยี สร้างเครือข่ายการให้บริการการศึกษาครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งผู้พัฒนาและการให้บริการเนื้อหา
จัดตั้งกลุ่มของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาเนื้อหาและธนาคารความรู้ (Knowledge Depository)
จัดทำโครงการระดับประเทศ เพื่อสร้างความตื่นตัวและเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สร้างมาตรการแรงจูงใจโดยมาตรการทางภาษี หรือการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ให้ภาคเอกชนจัดบริการการศึกษาออนไลน์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
สร้างเกณฑ์เปรียบเทียบ (Benchmark) และมาตรฐานขั้นต่ำ (Minimum Requirement) เพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการของผู้ให้บริการการศึกษาจากธุรกิจภาคเอกชน
จัดตั้งกองทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา โดยการระดมทุนจากภาครัฐและเอกชน เพื่อลดการนำเข้าและเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ นวัตกรรมทางการศึกษา
ให้การสนับสนุนความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และต่างประเทศในการพัฒนาการเรียนรู้
ทบทวนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรับรองสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
สนับสนุนและลงทุนในโครงการนำร่องต่างๆที่เกี่ยวกับ Virtual University เพื่อให้เกิดความคุ้มทุนและเกิดประสิทธิภาพที่ดีในระยะยาว

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

การศึกษาไทยพร้อมหรือยังกับการใช้ e-learning นำมาสนับสนุนการศึกษา

ในการสร้างฐานความรู้โดยอาศัยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งในปัจจุบันนับได้ว่ามีความสำคัญ และมีความจำเป็นต่อวงการศึกษาเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากนโยบายการปฏิรูปการศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่ง ส่งเสริม สนับสนุนเพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นกลไกในการจัดการศึกษา เพื่อก้าวไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ ที่จะตอบสนองให้ผู้เรียนและประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างทั่วถึง มีความเสมอภาคและมีประสิทธิภาพที่เท่าเทียมกัน ที่สำคัญจะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะนำพาไปสู่การสร้างสังคมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ปัจจุบันระบบการจัดการศึกษาแบบ e-learning ได้รับการยอมรับว่าเป็นกลไกสำคัญอีกระบบหนึ่งที่มีคุณลักษณะในการสนับสนุน ส่งเสริม ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างอิสระ ช่วยให้เข้าถึงแหล่งความรู้ที่หลากหลาย ได้อย่างรวดเร็วและสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตามอัธยาศัย นอกจากนี้ การจัดการศึกษารูปแบบ e-learning นี้ เป็นการสนองตอบแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นหลัก ผู้เรียนสามารถเข้าถึง ควบคุมกระบวนการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (Self-Directed Learning) กระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และแก้ปัญหาได้อย่างอิสระ เป็นการเรียน รู้ในลักษณะผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลายสนองต่อกลไกการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ และสนับสนุนการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานการศึกษาเดียวกัน เรียนรู้ได้ทุกเวลา เข้าถึงสาระเนื้อหาได้ในทุกสถานที่ (anyone-anywhere-anytime learning) โดยใช้กลไกของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ในฐานะที่หน่วยงาน สถานศึกษา สังกัด กศน. มีเป้าหมายหลักในการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาที่ครอบคลุมการจัดศึกษาให้กับ กลุ่มคนที่หลากหลาย แต่ในการใช้ช่องทางทางเทคโนโลยีสารสนเทศ นำมาเป็นช่องทางในการจัด และส่งเสริมการศึกษา อย่างเป็นรูปธรรมนั้น ดูเหมือนว่ายังทำได้ไม่เต็มที่นัก สถาบัน กศน.ภาคเหนือ ก็เป็นอีกหน่อยงานหนึ่ง ที่ใช้ ICT เป็นฐาน เป็นช่องทาง การเรียนรู้ การฝึกอบรม มาโดยตลอด ทำให้เห็นว่าหลักสูตร เนื้อหาที่มีอยู่นั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ นอกจากนี้ การใช้งาน การเข้าถึงช่องทาง เส้นทางการศึกษา วิธีนี้ ก็ยังอยู่ในวงจำกัด

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

E-learning กับ วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบองค์กรไทย
ใครๆ ก็รู้ว่าเรากำลังอยู่ในยุคดิจิตอล แม้แต่เด็กเล็กๆ เรียนอยู่ประถมต้นในโรงเรียนต่างๆ ก็รู้จักที่จะเล่นเกมคอมพิวเตอร์และใช้คอมพิวเตอร์เป็นกันทั้งนั้น ครูอาจารย์ทั้งหลายก็สนับสนุนให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา รู้จักค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเองจากอินเทอร์เน็ต โดยเน้นย้ำว่าการเรียนการสอนในชั้นเรียนนั้นไม่เพียงพอ โดย ลูกศิษย์ทั้งหลายพึงขวนขวายใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมจาก อินเทอร์เน็ต ซึ่งมีเว็บไซต์มากมายให้เข้าไปเยี่ยมชมและศึกษาหาข้อมูลได้ ซึ่งกระบวนการหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองนี้ คือ Self-Learning Process นั่นเอง โดยมีคอมพิวเตอร์เป็นสื่อหรือเครื่องมือที่ใช้ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองที่มีประสิทธิภาพสูง
ในสมัยก่อนที่การใช้คอมพิวเตอร์ยังไม่แพร่หลาย การศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองก็คือการหาหนังสือตำรับตำรามาอ่านจากห้องสมุดบ้างหรือซื้อหาหนังสือมาอ่านเองบ้าง แต่เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า การศึกษาด้วยตนเองก็ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เพียงกดปุ่ม พิมพ์อักษรไม่กี่ตัวก็เข้าไปท่องเว็บไซต์ต่างๆ ได้แล้ว การเรียนรู้โดยใช้สื่อคือคอมพิวเตอร์นี้ก็คือ E-Learning นั่นเอง ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีมหาวิทยาลัยทั้งไทยและเทศเปิดหลักสูตรระดับปริญญาตรีและโท โดยเรียนแบบ E-Learning กันแพร่หลาย และนอกจากหลักสูตรระดับปริญญาแล้ว ก็ยังมีหลักสูตรฝึกอบรมต่างๆ ให้เลือกศึกษาตามความชอบและตามเวลาที่สะดวก ไม่เหมือนกับการเรียนในชั้นเรียนที่ต้องไปเรียนตามเวลาที่กำหนด เรียนจบแล้วก็แล้วกัน อยากฟังที่อาจารย์พูดซ้ำก็ยาก (ยกเว้นขออนุญาตอัดเทปหรืออัดวิดีโอไว้ดูซ้ำภายหลัง)

E-Learning จึงเป็นทางออกที่สวยสำหรับหลายองค์กรที่อยากจัดหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานที่มีเวลาว่างในการเข้ารับฝึกอบรมไม่ตรงกัน นอกจากนี้ ยังสามารถทบทวนบทเรียนตามความสามารถในการทำความเข้าใจของแต่ละคนได้ ส่วนเรื่องประหยัดนั้นคงต้องคิดใน ระยะยาว เพราะการลงทุนติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ และสร้างหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับการเรียนการสอน แบบ E-Learning นั้นมีค่าใช้จ่ายมาก แต่เมื่อติดตั้ง จัดระบบเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ความคุ้มทุนจะอยู่ที่จำนวนผู้ใช้และจำนวนครั้งที่ใช้ เพราะสามารถเรียนซ้ำๆ ได้ ตามเวลาและความสะดวก ยิ่งใช้ซ้ำมากก็ยิ่งคุ้ม

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

เงียบเหงากันจังเลยเข้ามา comment กันเยอะๆ เด้อจะได้เกรด A กันทุกคน

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

คำว่า e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น

ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการจัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการงานสอนด้านต่างๆ โดยผู้เรียนที่เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และที่สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่างๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ (Interactive Technology)

คำว่า e-Learning นั้นมีคำที่ใช้ได้ใกล้เคียงกันอยู่หลายคำเช่น Distance Learning (การเรียนทางไกล) Computer based training (การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือเรียกย่อๆว่า CBT) online learning (การเรียนทางอินเตอร์เนต) เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยสามารถมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฎิสัมพันธ์ได้

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

สำหรับ e-Learning แล้ว การถ่ายทอดเนื้อหาสามารถแบ่งได้คร่าวๆ เป็น 3 ระดับ ด้วยกัน กล่าวคือ

ระดับเน้นข้อความออนไลน์ (Text Online) หมายถึง เนื้อหาของ e-Learning ในระดับนี้จะอยู่ในรูปของข้อความเป็นหลัก e-Learning ในลักษณะนี้จะเหมือนกับการสอนบนเว็บ (WBI) ซึ่งเน้นเนื้อหาที่เป็นข้อความ ตัวอักษรเป็นหลัก ซึ่งมีข้อดี ก็คือ การประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการผลิตเนื้อหาและการบริหารจัดการคอร์ส
ระดับ Low Cost Interactive Online Course หมายถึง เนื้อหาของ e-Learning ในระดับนี้จะอยู่ในรูปของตัวอักษร ภาพ เสียงและวิดีทัศน์ ที่ผลิตขึ้นมาอย่างง่ายๆ ประกอบการเรียนการสอน e-Learning ในระดับนี้จะต้องมีการพัฒนา CMS ที่ดี เพื่อช่วยผู้ใช้ในการปรับเนื้อหาให้ทันสมัยได้อย่างสะดวก
ระดับ High Quality Online Course หมายถึง เนื้อหาของ e-Learning ในระดับนี้จะอยู่ในรูปของมัลติมีเดียที่มีลักษณะมืออาชีพ กล่าวคือ การผลิตต้องใช้ทีมงานในการผลิตที่ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญเนื้อหา ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบการสอน (instructional designers) และ ผู้เชี่ยวชาญการผลิตมัลติมีเดีย (multimedia experts) ซึ่งหมายถึง โปรแกรมเมอร์ (programmers) นักออกแบบกราฟิค (graphic designers)และ/หรือผู้เชี่ยวชาญในการผลิตแอนิเมชั่น (animation experts) เป็นต้น e-Learning ในลักษณะนี้จะต้องมีการใช้เครื่องมือ (Tools) เพิ่มเติมในการผลิตและเรียกดูเนื้อหาด้วย

ระดับการนำ e-Learning ไปใช้

การนำ e-Learning ไปใช้ประกอบกับการเรียนการสอน สามารถทำได้ 3 ระดับ ดังนี้

สื่อเสริม (Supplementary) หมายถึงการนำ e-Learning ไปใช้ในลักษณะสื่อเสริม กล่าวคือ นอกจากเนื้อหาที่ปรากฏในลักษณะ e-Learning แล้ว ผู้เรียนยังสามารถศึกษาเนื้อหาเดียวกันนี้ในลักษณะอื่นๆ เช่น จากเอกสาร(ชี้ท) ประกอบการสอน จากวิดีทัศน์ (Videotape) ฯลฯ การใช้ e-Learning ในลักษณะนี้เท่ากับว่าผู้สอนเพียงต้องการ จัดหาทางเลือกใหม่อีกทางหนึ่งสำหรับผู้เรียนในการเข้าถึงเนื้อหาเพื่อให้ประสบการณ์พิเศษเพิ่มเติมแก่ผู้เรียนเท่านั้น
สื่อเติม (Complementary) หมายถึงการนำ e-Learning ไปใช้ในลักษณะเพิ่มเติมจากวิธีการสอนในลักษณะอื่นๆ เช่น นอกจากการบรรยายในห้องเรียนแล้ว ผู้สอนยังออกแบบเนื้อหาให้ผู้เรียนเข้าไปศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจาก e-Learning ในความคิดของผู้เขียนแล้ว ในประเทศไทย หากสถาบันใด ต้องการที่จะลงทุนในการนำ e-Learning ไปใช้กับการเรียน การสอนตามปรกติ (ที่ไม่ใช่ทางไกล) แล้ว อย่างน้อยควรตั้งวัตถุประสงค์ในลักษณะของสื่อเติม (Complementary) มากกว่าแค่เป็นสื่อเสริม (Supplementary) เช่น ผู้สอนจะต้องให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาจาก e-Learning เพื่อวัตถุประสงค์ ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียนในบ้านเราซึ่งยังต้องการคำแนะนำจากครู ผู้สอนรวมทั้งการที่ผู้เรียนส่วนใหญ่ยังขาดการปลูกฝังให้มีความใฝ่รู้โดยธรรมชาติ
สื่อหลัก (Comprehensive Replacement) หมายถึงการนำ e-Learning ไปใช้ในลักษณะแทนที่ การบรรยายในห้องเรียน ผู้เรียนจะต้องศึกษาเนื้อหาทั้งหมดออนไลน์ ในปัจจุบัน e-Learning ส่วนใหญ่ในต่างประเทศ จะได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นสื่อหลักสำหรับแทนครู ในการสอนทางไกล ด้วยแนวคิดที่ว่า มัลติมีเดีย ที่นำเสนอทาง e-Learning สามารถช่วยในการถ่ายทอดเนื้อหาได้ใกล้เคียงกับการสอนจริงของครูผู้สอนโดยสมบูรณ์ได้

สรุป

แม้ว่าการเรียนรายบุคคลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเรื่องที่มีมานานหลายสิบปีแล้ว แต่คำว่า e-Learning กลับเป็นเรื่องที่นักการศึกษาในบ้านเราเพิ่งหันมาให้ความสนใจกันในขณะนี้ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในวงการศึกษา ระบบสาธารณูปโภคและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเรียนจาก e-Learning นี้เพิ่งจะมีความพร้อมและได้รับความนิยม เป็นที่แพร่หลายในเวลาไม่นาน กอปรกับราคาของเทคโนโลยีเหล่านี้เพิ่งจะมีราคาลดลง e-Learning เป็นรูปแบบการเรียน ที่สามารถนำไปใช้ได้หลายระดับ ครูผู้สอนควรพิจารณานำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับความพร้อม ความถนัด ความ สนใจและความต้องการของตน แต่อย่างไรก็ดี ผู้สอนที่สนใจจะนำ e-Learning ไปใช้กับการสอนในลักษณะสื่อเติม หรือ สื่อหลัก จะต้องให้ความร่วมมือในช่วงของการออกแบบและการพัฒนาอย่างเต็มที่ ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ สามารถถ่ายทอดการสอนได้ใกล้เคียงกับการสอนจริงมากที่สุดเสียก่อน นอกจากนี้ ผู้สอนควรที่จะต้องมีการศึกษาหา รูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการเรียนการสอนจาก e-Learning ของตนเพื่อให้เกิดทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อการ ศึกษาของผู้เรียนอย่างแท้จริง

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ดร. สุรสิทธิ์ วรรณไกรโรจน์ ผู้อำนวยการโครงการการเรียนรู้แบบออนไลน์แห่ง สวทช. ได้ให้คำจำกัดความของ บทเรียนออนไลน์ (Online) e-Learning (อีเลิร์นนิง) คือ การเรียนรู้แบบออนไลน์ หรือ e-learning (อีเลิร์นนิ่ง) การศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต(Internet) หรืออินทราเน็ต(Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser โดยผู้เรียน ผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อ สื่อสารที่ทันสมัย เช่น e-mail, webboard, chat) จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน, เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ (Learn for all : anyone, anywhere and anytime)

นายบุญเลิศ อรุณพิบูลย์ และ นายบุญเกียรติ เจตจํานงนุช ได้ให้ความหมายบทเรียนออนไลน์ (Online) อีเลิร์นนิง (e-Learning) คือ การใช้ทรัพยากรต่างๆ ในระบบอินเตอรเน็ต (Internet) มาออกแบบและจัดระบบเพื่อสรางระบบการเรียนการสอน โดยการสนับสนุนและสงเสริมใหเกิดการเรียนรู้อยางมีความหมายตรงกับความตองการของผู้สอน และผู้เรียน เชื่อมโยงระบบเป็นเครือขายที่สามารถเรียนรู้ไดทุกที่ ทุกเวลา และทุกคน สามารถประเมิน ติดตามพฤติกรรมผู้เรียนได้ เสมือนการเรียนในห้องเรียนจริง โดยสามารถพิจารณาไดจากคุณลักษณะ ดังนี้
เว็บไซตที่เกี่ยวของกับการศึกษา เกี่ยวข้องกับเนื้อหารายวิชาใด วิชาหนึ่งเป็นอย่างน้อย หรือการศึกษาตามอัธยาศัย
ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จากทุกที่ทุกเวลาโดยอิสระ
ผู้เรียนมีอิสระในการเรียน การบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละเนื้อหา ไม่จําเป็นต้องเหมือนกัน หรือพร้อมกับผู้เรียนรายอื่น
มีระบบปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน และสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้
มีเครื่องมือที่วัดผลการเรียนได้
มีการออกแบบการเรียนการสอนอย่างมีระบบ
ผู้สอนมีสภาพเป็นผู้ช่วยเหลือผู้เรียนในการค้นหา การประเมิน การใช้ประโยชน์จากเนื้อหา จากสื่อรูปแบบต่างๆ ที่มีให้บริการ
มีระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ (Learning Management System/LMS)
มีระบบบริหารจัดการเนื้อหา/หลักสูตร (Content Management System/CMS)

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

Krutus (2000) กล่าวว่า “e-Learning เป็นรูปแบบของเนื้อหาสาระที่สร้างเป็นบทเรียนสำเร็จรูป ที่อาจใช้ซีดีรอม เป็นสื่อกลางในการส่งผ่าน หรือใช้การส่งผ่านเครือข่ายภายใน หรืออินเทอร์เน็ต ทั้งนี้อาจจะอยู่ในรูปแบบคอมพิวเตอร์ช่วยการฝึกอบรม (Computer Based Training: CBT) และการใช้เว็บเพื่อการฝึกอบรม (Web Based Training: WBT) หรือการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมก็ได้”
Campbell (1999) ได้ให้ความหมายว่า “e-Learninwg เป็นการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สร้างการศึกษาที่มีปฏิสัมพันธ์ และการศึกษาที่มีคุณภาพสูง ที่ผู้คนทั่วโลกมีความสะดวก และสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำกัดสถานที่และเวลา เป็นการเปิดประตูการศึกษาตลอดชีวิตให้กับประชากร”
อ.ไพฑูรย์ ศรีฟ้า (SriThai.com) ได้ให้ความหมายว่า E-Learning คือ การเรียนการสอนทางไกลที่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง World Wide Web ซึ่งผู้เรียนและผู้สอนใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลมากมายที่มีอยู่ทั่วโลกอย่างไร้ขอบเขตจำกัด ผู้เรียนสามารถทำกิจกรรมหรือแบบฝึกปฏิบัติต่างๆ แบบออนไลน์ โดยใช้เครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกอยู่ใน WWW เป็นการเรียนการสอนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะไม่มีขีดจำกัดเรื่องระยะทาง เวลา และสถานที่ อีกทั้งยังสนองตอบต่อศักยภาพและความสามารถของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี

ชมนาท พรหมโคตร กล่าวว่า...

-ข้อดีของ -learning ก็มีมากมายนะค่ะ ตัวอย่างเช่น
1. ใช้ระบบวีดีโอออนดีมานด์เรียนผ่านทางเว็บ
2. ค้นคว้าหาข้อมูลผ่านทางเว็บที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วโลก สะดวก รวดเร็ว และทันสมัย
3. ใช้ระดานถาม-ตอบช่วยให้ผู้เรียนกล้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เต็มที่ เหมาะกับผู้เรียนจำนวน มาก
4. จะเรียนเวลาไหน ที่ใดก็ได้

แหม...เริ่ดสุดๆเลยค่ะ

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ
บทบาทการเรียนการสอน E-learning ในประเทศไทย
สังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ IT E-learning เป็นการนำไอทีไปใช้ในด้านการส่งเสริมประสิทธิภาพด้าน การเรียนการสอนในหลากหลายรูปแบบเช่น การนำมัลติมีเดียมาเป็นสื่อการสอนของครู/อาจารย์ ให้ผู้เรียน เรียนรู้ค้นคว้าด้วยตัวเอง ด้วยการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม ในยุคปัจจุบันเป็นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Stand-alone หรือการเรียนผ่านเครือข่าย เชื่อมโยงสู่อินเทอร์เน็ตเพื่อการค้นคว้าหาข้อมูลแลกเปลี่ยนค้นข้อมูลความรู้บนเครือข่ายซึ่งที่ผ่านมาเราใช้สื่อ การเรียนการสอนในรูปแบบของสื่อผสม (Multimedia) ใช้การนำเสนอลงบนแผ่นซีดี-รอมโดยใช้ Authoring tool ทั้งภาพและเสียงเพื่อเกิดการปฏิสัมพันธ์ ให้กับผู้เรียนซึ่งสื่อเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะได้รับ ความสนใจสูงขึ้นเรื่อยๆ

ถูกต้องมั้ยครับเพื่อนๆ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ถูกต้องครับเห็นด้วยกับคุณชยพล

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

เวลาของการศึกษาออนไลน์
การศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ได้เจริญเติบโตไปทั่วทุกมุมโลก แนวโน้ม ของเทคโนโลยีดีขึ้น เร็วขึ้นและให้ผลตอบแทนที่มากขึ้นทำให้เกิดความต้องการ ที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ระบบการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์กำลังพัฒนามาสู่แอพพลิเคชั่น รูปแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอ
จริงไหมคร๊าบๆๆ
ชยพล มุลาลี(yiaw_civil_en@hotmail.com)

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

เห็นด้วยกับคุณชยพลครับ เราต้องพัฒนาตัวเองให้ทันกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

อรทัย วิสัชนาม รหัส 141212 กล่าวว่า...

การเรียนรู้ทาง Internet นั้นมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง ดังนั้นจึงขอกล่าวถึงประโยชน์ของ e-Learning อย่างคร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ
ยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเนื้อหา และ สะดวกในการเรียน
การเรียนการสอนผ่านระบบ e-Learning นั้นง่ายต่อการแก้ไขเนื้อหา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะสามารถกระทำได้ตามใจของผู้้สอน เนื่องจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้ผู้เรียนก็สามารถเรียนโดยไม่จำกัดเวลา และสถานที่
เข้าถึงได้ง่าย
ผู้เรียน และผู้สอนสามารถเข้าถึง e-learning ได้ง่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรียน อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดที่เหมาะกับสื่อการเรียนการสอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และในปัจจุบันนี้ การเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกระทำได้ง่ายขึ้นมาก และยังมีค่าเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มีราคาต่ำลงมากว่าแต่ก่อนอีกด้วย
ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยกระทำได้ง่าย
เนื่องจากผู้สอน หรือผู้สร้างสรรค์งาน e-Learning จะสามารถเข้าถึง server ได้จากที่ใดก็ได้ การแก้ไขข้อมูล และการปรับปรุงข้อมูล จึงทำได้ทันเวลาด้วยความรวดเร็ว
ประหยัดเวลา และค่าเดินทาง
ผู้เรียนสามารถเรียนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ โดยจำเป็นต้องไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประจำก็ได้ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลามาก การเรียน การสอน หรือการฝึกอบรมด้วยระบบ e-Learning นี้ จะสามารถประหยัดเวลาถึง 50% ของเวลาที่ใช้ครูสอน หรืออบรม
จากประโยชน์ของ e-Learning ดังกล่าวนี้ ทำให้ภาคเอกชนเป็นจำนวนมากหันมานิยมใช้ระบบ e-learning ในการพัฒนาบุคลากรมากขึ้น

อรทัย วิสัชนาม รหัส 141212 กล่าวว่า...

เพื่อน ๆ ได้เห็นประโยนช์ของ E-learning แล้วมีความคิดเห็นเหมือนหรือแตกต่างกันมั้ยค่ะ ในส่วนของข้อจำกัดของ e-learning ก็มีเหมือนกันค่ะ
ข้อจำกัดจากการนำ e-Learning ที่นำไปใช้ในการเรียนการสอน มีดังนี้
1. ผู้สอนที่นำ e-Learning ไปใช้ในลักษณะของสื่อเสริม ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนเลย จะทำให้แรงจูงใจในการเรียนหมดเร็ว
2. ผู้สอนจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ให้ (impart) เนื้อหาแก่ผู้เรียน มาเป็น (facilitator) ผู้ช่วยเหลือและให้คำแนะนำต่าง ๆ แก่ผู้เรียน
3. การลงทุนในด้านของ e-Learning ต้องครอบคลุมถึงการจัดการให้ผู้สอนและผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาและการติดต่อสื่อสารออนไลน์ได้สะดวก
4. การออกแบบ e-Learning จะต้องเน้นให้มีการออกแบบให้มีกิจกรรมโต้ตอบอยู่ตลอดเวลา เนื้อหาต้องมีความถูกต้องชัดเจน และยังคงต้องเน้นให้มีความน่าสนใจ สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เรียนได้
5. ผู้เรียนต้องรู้วิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง (self-Learning) อย่างมีประสิทธิภาพ ความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างวินัยในการเรียนรู้ด้วยตนเอง (self-discipline)

อรทัย วิสัชนาม รหัส 141212 กล่าวว่า...

E-learning สามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้ 3 ระดับ ดังนี้
1. สื่อเสริม (Supplementary) นอกจากเนื้อหาที่ปรากฏในลักษณะ e-Learning แล้ว ผู้เรียนยังสามารถศึกษาเนื้อหาเดียวกันนี้ในลักษณะอื่นๆ เช่น จากเอกสารประกอบ การสอน จากวีดิทัศน์ ฯลฯ การใช้ e-Learning ในลักษณะนี้เท่ากับว่าผู้สอนเพียงต้องการจัดหาทางเลือกใหม่อีกทางหนึ่ง สำหรับผู้เรียนในการเข้าถึงเนื้อหาเพื่อให้ประสบการณ์พิเศษเพิ่มเติมแก่ผู้เรียนเท่านั้น
2. สื่อเพิ่มเติม (Complementary) หมายถึง การนำ e-Learning ไปใช้ในลักษณะเพิ่มเติมจากวิธีการสอนในลักษณะอื่นๆ เช่น นอกจากการบรรยายในห้องเรียนแล้ว ผู้สอนยังออกแบบเนื้อหาให้ผู้เรียนเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมจาก e-Learning โดยผู้สอนไม่จำเป็นต้องสอนซ้ำอีก แต่สามารถใช้เวลาในชั้นเรียนในการอธิบายในเนื้อหาที่เข้าใจได้ยาก ค่อนข้างซับซ้อน หรือเป็นคำถามที่มีความเข้าใจผิดบ่อย ๆ
3. สื่อหลัก (Comprehensive Replacement) หมายถึง หมายถึงการนำ e-Learning ไปใช้ในลักษณะแทนที่การบรรยายในห้องเรียน ผู้เรียนจะต้องศึกษาเนื้อหาทั้งหมดออนไลน์ และโต้ตอบกับเพื่อนและผู้เรียนอื่น ๆ ในชั้นเรียนผ่านทางเครื่องมือติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ที่ e-Learning จัดเตรียมไว้

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

รูปแบบการออกแบบระบบการเรียนการสอนบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
แมคมานัส (Mcmanus.1998) ได้เสนอรูปแบบการออกแบบระบบการเรียนการสอนด้วยอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า เอชดีเอ็ม (HDM: Hypermedia Design Model) โดยประกอบด้วย
1. การกำหนดขอบเขตของการเรียนการสอน
2. การกำหนดองค์ประกอบของกรณีตัวอย่างที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน
3. รวบรวมหัวข้อความรู้เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่กรณีตัวอย่าง
4. เชื่อมโยงแนวทางต่าง ๆ เข้าสู่กรณีที่จะแสดงความนึกคิด
5. ให้ผู้เรียนเป็นผู้ควบคุมการเรียนโดยใช้กรณีตัวอย่าง
6. ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสในการตรวจสอบตนเอง

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

แมกกริล (Magreal. 1997) แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะโครงสร้างเว็บเพจ ของเว็บไซต์สำหรับรายวิชา ซึ่งควรจะมีองค์ประกอบที่เป็นเว็บเพจ ดังต่อไปนี้
1. โฮมเพจ (Homepage) เป็นเว็บเพจแรกของเว็บไซต์ โฮมเพจควรมีเนื้อหาสั้นๆ เฉพาะที่จำเป็นที่เกี่ยวข้องกับรายวิชา ซึ่งประกอบด้วย ชื่อรายวิชา ชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบรายวิชา สถานที่ โฮมเพจควรจะจบในหน้าจอเดียว ควรหลีกเลี่ยงที่จะใส่ภาพ กราฟิกใหญ่ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้เสียเวลาในการโหลดข้อมูลนาน
2. เว็บเพจแนะนำ (Introduction) แสดงสังเขปรายวิชา ควรมีการเชื่อมโยงไปยังรายละเอียดที่เกี่ยวข้องควรใส่ข้อความทักทายต้อนรับ รายชื่อผู้ที่เกี่ยวกับการสอนรายวิชานี้ พร้อมทั้งการเชื่อมโยงไปเว็บเพจที่อยู่ของผู้เกี่ยวข้องแต่ละคน และเชื่อมโยงไปยังรายละเอียดของรายวิชา
3. เว็บเพจแสดงภาพรวมของรายวิชา (Overview) แสดงภาพรวมโครงสร้างของรายวิชามีคำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับหน่วยการเรียน วิธีการเรียน วัตถุประสงค์ และเป้าหมาย
4. เว็บเพจแสดงสิ่งจำเป็นในการเรียน (Course Requirements) เช่น หนังสือประกอบ บทเรียนคอมพิวเตอร์ ทรัพยากรการศึกษาในเครือข่าย (Online Resources) เครื่องมือต่างๆ ทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โปรแกรมอ่านเว็บที่ที่จำเป็นต้องใช้ในการเรียนทางอินเทอร์เน็ตโดยใช้เว็บเพจ
5. เว็บเพจแสดงข้อมูลสำคัญ (Vital information) ได้แก่ การติดต่อผู้สอนหรือผู้ช่วยสอน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เวลาที่จะติดต่อแบบออนไลน์ได้

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

การออกแบบและพัฒนาบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อมาใช้ในการเรียนการสอนนั้น โดยปกติแล้วการพัฒนาบทเรียนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบออนไลน์หรือแบบออฟไลน์ จำเป็นต้องนำหลักการทางเทคโนโลยีการศึกษา (Educational Technology) มาใช้ คือ หลักการออกแบบการสอน (Instructional Design) ซึ่งรวมถึงกระบวนการของการวางแผนอย่างเป็นระบบ (process of systematic planning) โดยการดำเนินการตามรูปแบบจำลองของการออกแบบระบบการเรียนการสอน (Instructional System Design: ISD) ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ แต่จะมีขั้นตอนหลัก 5 ขั้นตอน เพียงแต่ในบางรูปแบบจะนำบางขั้นตอนไปแทรกไว้ในขั้นตอนอื่น หรือเปลี่ยนชื่อไป เช่น ในบางรูปแบบได้เปลี่ยนชื่อขั้นตอนหลักที่เรียกว่า ขั้นตอนการประเมินผล (evaluation) เป็นขั้นตอนการควบคุม (control) เป็นต้น

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

การเปรียบเทียบ/การเรียนการสอนแบบชั้นเรียน
ปกติกับ E-learning
ชั้นเรียนปกติ
- ผู้เรียนนั่งฟังการบรรยายในชั้นเรียน
- ผู้เรียนค้นคว้าจากตำราในห้องสมุดหรือสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ
- เรียนรู้การโต้ตอบจากการสนทนาในชั้นเรียน
- ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่
ชยพล มุลาลี yiaw_civil_en@hotmail.com

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

การเรียนการสอนแบบ E-Learning มีประโยชน์มาก ตามที่เพื่อนๆ กล่าวมาข้างต้น แต่ก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน คือ
1.ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึก ปฏิกิริยาที่แท้จริงของผู้เรียนและผู้สอน
2.ไม่สามารถสื่อความรู้สึก อารมย์ในการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง
3.ผู้เรียน และผู้สอน จะต้องมีความพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ทั้งด้านอุปกรณ์ ทักษะการใช้งาน
4.ผู้เรียนบางคน ไม่สามารถศึกษาด้วยตนเองได้
ที่เสนอมาเพื่อเราควรมองข้อเสียบ้างเพื่อจะได้หาทางแก้ไขต่อไป

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

แนวโน้มในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการศึกษาในปัจจุบันและอนาคตจะเป็นรูปแบบของการเรียนการสอน โดยนำเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มาผสมผสานกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต เนื่องจากเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมีลักษณะเฉพาะ คือ มีความสามารถในการนำเสนอข้อมูลผ่านระบบ World Wide Web ในการใช้เพื่อการจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web-Based Instruction : WBI) หรือ E-learning ซึ่งวงการศึกษาคงจะหลีกเลี่ยงได้ยากยิ่ง

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

รูปแบบการเรียนการสอน
1. การเรียนการสอนทางไกล (Distance Education) เป็นระบบการเรียนการสอนที่ประยุกต์เทคโนโลยีหลายๆ อย่าง เช่น ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การประชุมทางไกลชนิดภาพ/เสียง รวมถึงเอกสารต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงผู้เรียนที่อยู่ห่างไกล
2. แบบมหาวิทยาลัยออนไลน์ อาจจะเรียกว่า Online University หรือ Virtual University เป็นระบบการเรียนการสอนที่อยู่บนเครือข่ายในรูปเว็บเพจ มีการสร้างกระดานถาม-ตอบ อิเล็กทรอนิกส์ (Wed Board)
3. การเรียนการสอนผ่านทางอินเทอร์เน็ตและเว็บเพจ (Online Learning, Internet Web Base Education) เป็นการนำเสนอเนื้อหาและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอนโดยเน้นสื่อประสมหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน มีการสร้างสภาวะแวดล้อมที่ประสานงานกัน ให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลหลายชนิดได้ โดยผู้เรียนต้องควบคุมจังหวะการเรียนรู้
4. โครงข่ายการเรียนการสอนแบบอะซิงโครนัส(Asynchronous Learning Network: ALN) เป็นการเรียนการสอนที่ต้องมีการติดตามผลระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน โดยใช้การทดสอบบทเรียน เป็นตัวโต้ตอบ

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ประโยชน์ที่ได้รับ
• เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน โดยใช้สื่ออุปกรณ์ และคลังความรู้ที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนของครูและนักเรียน
• เกิดเครือข่ายความรู้ ที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ และวัฒนธรรมซึ่งกันและกันบนอินเทอร์เน็ตข้อมูลจะมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ สะดวกและรวดเร็ว
• ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สามารถสืบค้นวิชาความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยมีการให้คำปรึกษาและชี้แนะโดยครู/อาจาย์
มีมากมายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

e – learning กับมโนคติของครู
การที่ e – learning ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในระบบการสอนที่จะต้องประกอบด้วยการเรียนรู้จากตำรา การเรียนรู้โดยการปฏิบัติจริง และความรู้ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้เพื่อให้ทันและสอดรับกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว e – learning จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในสถานศึกษาในทุกระดับ ซึ่งควรจะต้องจัดหลักสูตรและการสอนโดยใช้ e – learning เป็นเครื่องมือของครูเพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้และสร้างความรู้ได้อย่างแท้จริง ผู้เรียนเป็นผู้ควบคุมการเรียนด้วยตนเอง ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่เป็นไปตามพัฒนาการของตนเอง ช่วยในการปรับเปลี่ยนบทบาทของผู้สอนจากการเป็นผู้บอกและถ่ายทอด มาเป็นผู้ให้คำแนะนำและสำรวจข้อมูลในลักษณะการเรียนรู้ร่วมกัน ดังนั้นการที่จะทำให้การเรียนการสอนในรูปแบบของ e – learning ครูจึงต้องมีมโนคติเกี่ยวกับ e – learning ดังนี้
1. ไม่มีความแตกต่างระหว่าง e – learning และ learning ครูจึงไม่ควรที่จะกลัว หรือเบื่อ หรือรังเกียจที่จะเข้าไปเรียนรู้
ควรคิดว่าแท้ที่จริงแล้ว e – learning เป็นเครื่องมือชองการเรียนรู้ที่เพิ่มพูนประสบการณ์ให้กว้างขวางและลึกซึ้งขึ้น
2. e – learning จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับครูในการพัฒนารูปแบบกระบวนการสอนให้สามารถทันกับการเปลี่ยนแปลง
ของโลกได้อย่างดีซึ่งจะทำให้ครูรู้สึกสนุกกับการใช้ e – learningในที่สุด
3. ครูไม่จำเป็นต้องใช้ e – learningในทุกวิชา และตลอดเวลา
4. ครูต้องตระหนักว่าคุณภาพจะเกิดขึ้นได้ ครูต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อพัฒนาผู้เรียนe – learning เป็นเพียงวิธีการหนึ่ง
ที่สามารถช่วยครูได้
5. e – learning ไม่ใช่สิ่งที่ยุ่งยาก เพียงแต่ต้องการการฝึกฝนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
6. ครูต้องผลักดันให้ผู้เรียนได้เข้าถึงการเรียนรู้แบบ e – learning ไปพร้อมๆกันด้วยการใช้คอมพิวเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละ
60 นาที ในสถาบันการศึกษาและ 5 ชั่วโมงที่บ้านโดยเข้าไปใน Syberspace ก็เพียงพอสำหรับการก้าวทันโลกของครูและผู้เรียนแล้ว
มโนคติของครูเพียง 6 ข้อนี้ หากผู้เรียนและครูได้ใช้เวลาและประสบการณ์ร่วมกันแล้วจะรู้ว่า e – learning เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนานสำหรับการเรียนรู้สู่อนาคตอย่างแท้จริง

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

(ต่อ)
มาตรการการส่งเสริมการเรียนการสอนแบบ e-Learning
1. จัดทำโครงสร้างโอกาสทางเทคโนโลยี (Digital Opportunity Program) โดยการลด
ความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงเทคโนโลยี สร้างเครือข่ายการให้บริการการศึกษาครอบ
คลุมทั่วประเทศ ทั้งผู้พัฒนาและการให้บริการเนื้อหา
2. จัดตั้งกลุ่มของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือการพัฒนาเนื้อหา (Content
Development) และธนาคารความรู้ (Knowledge Depository)
3. จัดทำโครงการระดับประเทศ เพื่อสร้างความตื่นตัวและเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. สร้างมาตรการแรงจูงใจโดยมาตรการทางภาษีหรือการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ให้ภาคเอกชนจัดบริการการศึกษาออนไลน์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
5. สร้างเกณฑ์เปรียบเทียบ (Benchmark) เพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการของผู้ให้บริการของผู้ให้บริการศึกษาจากธุรกิจภาคเอกชน
6. จัดตั้งกองทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา โดยการระดมทุนจากภาครัฐและเอกชน เพื่อลดการนำเข้า และเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ นวัตกรรมทางการศึกษา
7. ให้การสนับสนุนความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทย และต่างประเทศในการพัฒนาการเรียนรู้
8. ทบทวนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรับรองสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
9. สนับสนุนและลงทุนในโครงการนำร่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ Virtual University เพื่อให้เกิดความคุ้มทุนและเกิดประสิทธิภาพที่ดีในระยะยาว

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ขอเพิ่มความหมาย
e-Learning เป็นการเรียนการสอนผ่านทางคอมพิวเตอร์และเครือข่าย อินเตอร์เน็ตการ ศึกษาที่ นิยมกันมากในขณะนี้คือ Web Base Learning การ เรียนแบบนี้ ผู้เรียนสามารถ เรียนที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ไม่มีข้อ จำกัด รูปแบบการ เรียนการสอน การเรียนการสอนทางไกล (Distance Education) เป็นการเรียนการสอน ที่ ประยุกต์เทคโนโลยีหลายๆอย่าง เช่น ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การ ประชุมทาง ไกลชนิดภาพและเสียง รวมถึงเอกสารต่างๆเพื่อเข้าถึงผู้เรียนที่อยู่ห่าง ไกล แบบมหาวิทยาลัยออนไลน์ เรียกว่า Online University หรือ Virtual University* เป็นระบบการเรียนการสอนที่อยู่บนเครือ ข่ายใน รูปเว็บเพจ มีการสร้างกระดาน ถาม-ตอบ อิเล็กทรอนิกส์ (Web Board) การเรียนการ สอนผ่านทางอินเทอร์เน็ตและเว็บเพจ (Online Learning, Internet Web Base Education) เป็นการนำเสนอ เนื้อหาและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน และผู้สอนโดยเน้นสื่อประสมหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน มีการสร้างสภาวะ แวดล้อมที่ ประสานงานกัน ให้ผู้เรียนและผู้สอนเข้าถึง ฐานข้อมูลหลายชนิดได้ โดยผู้ เรียน ต้องควบคุมจังหวะการเรียนรู้ด้วยตนเองให้เป็น และเลือก เวลา สถานที่ใน การเรียน รู้ โครงข่ายการเรียนการสอนแบบอะซิงโครนัส (Asynchronous Learning Network: ALN) เป็นการเรียนการสอนที่ต้องมีการติดตามผล ระหว่างผู้เรียนกับผู้ สอน โดยใช้การทดสอบบทเรียน เป็นตัวโต้ตอบ เครื่องมือช่วยเหลือการ เรียน การสอนแบบ e-Learning เทคโนโลยีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอิน เทอร์เน็ตจะ ช่วยให้การเรียนการ สอนแบบ e-Learning ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เรา สามารถนำซอฟแวร์ที่ เกี่ยว ข้องกับการเขียนเว็บเพจ การส่งอีเมล การใช้ Search Engine Newsgroup การ ใช้ http, ftp หรือ โปรแกรมทางด้าน Authoring Tool เช่น FrontPage, Macromedia Dreamweaver เป็นต้น การสร้าง Web Board ไว้ถาม- ตอบ สิ่งที่ควร คำนึงถึงการเรียนการสอนแบบ e-Learning ในบ้านเราก็คือ คน องค์ ประกอบที่สำคัญที่จะทำให้รูปแบบ พัฒนาไปในทิศทางใด จากกรณีศึกษาโรงเรียน จิตรลดา ผู้ช่วยอาจารย์ ใหญ่ฝ่ายประถมศึกษา อาจารย์มีนา รอดคล้าย บอกว่า ระยะแรกๆต้องให้ความรู้ทางเทคโนโลยี แก่บุคลากร โดยเฉพาะผู้บริหาร ต้องให้ ท่านเห็นความสำคัญและเข้าใจในเทคโนโลยี ว่าไม่ได้ยาก อำนวย ความสะดวก สบายให้เราอย่างไร เป็นต้น อันดับต่อมาก็คือ ผู้ พัฒนาหลักสูตรและ เนื้อหาวิชา ผู้ พัฒนาระบบ ผู้ช่วยสอนและที่ปรึกษาทางการเรียน ประโยชน์ที่ได้รับ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน โดยใช้สื่ออุปกรณ์ และคลังความรู้ที่มี อยู่บน อินเตอร์เน็ต เพื่อสนับสนุน การเรียนการสอนของครูและนักเรียน เกิด เครือข่ายความรู้ ที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมซึ่งกันและ กันบน อินเตอร์เน็ต ข้อมูลจะมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ สะดวกและรวด เร็ว ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สามารถสืบค้นวิชาความรู้ไดด้วย ตนเอง โดยมีการให้ คำ ปรึกษาและชี้แนะโดยครู/อาจารย์ ลดช่องว่างระหว่างการ ศึกษาในเมือง และชนบท สร้างความเท่าเทียมกันและ กระจายโอกาสทางการศึกษาให้ เด็กชนบทได้ รู้เท่าทัน เพื่อสนับสนุนนโยบายและ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีการศึกษา และเครือ ข่ายสารสนเทศ เพื่อความสอด คล้องและสนับสนุน การปฏิรูปการศึกษา ตาม พ.ร.บ.การ ศึกษาแห่งชาติ พ. ศ.2542

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

เห็นด้วยกับคุณ ปิติภัทร์ โพธิจักร
ตรงที่
ไม่มีความแตกต่างระหว่าง e – learning และ learning ครูจึงไม่ควรที่จะกลัว หรือเบื่อ หรือรังเกียจที่จะเข้าไปเรียนรู้
ควรคิดว่าแท้ที่จริงแล้ว e – learning เป็นเครื่องมือชองการเรียนรู้ที่เพิ่มพูนประสบการณ์ให้กว้างขวางและลึกซึ้งขึ้น

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

มาดูสาเหตุที่ ครูไม่สนใจ e – learning
หากมโนคติของครูที่มีต่อ e – learning เป็นไปในทางลบแล้ว จะส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนในภาวะปัจจุบันที่มีการ
เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก ผลกระทบเหล่านี้ นอกจากจะทำให้ผู้เรียนไม่สามารถเท่าทันกับการเปลี่ยน
แปลงที่เกิดขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อโอกาสที่ผู้เรียนควรจะได้เรียนรู้ และฉายความสามารถที่ผู้เรียนจะได้แสดงออกอีกด้วย ซึ่งมีผู้ศึกษา
พบว่า สาเหตุที่ครูไม่สนใจ e – learning ก็คือ
1. e – learning เป็นรูปแบบของการศึกษาในอนาคต ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสนใจหรือเรียนรู้
2. e – learning เป็นเรื่องของธุรกิจมากกว่าการศึกษา
3. e – learning เป็นเรื่องน่าปวดหัวและสร้างปัญหา ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้เทคโนโลยีต่างๆในกระบวน
การเรียนการสอน เพราะยังมีความรู้อีกมากมายที่ครูไม่จำเป็นต้องเสาะแสวงหาจากการ online
4. e – learning เป็นการสอนที่สร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ดังนั้น ครูจึงไม่จำเป็นต้องเป็นคอมพิวเตอร์ หรือ อินเตอร์เน็ต ก็สามารถสอนได้ดีอยู่แล้ว
5. e – learning ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และเสียเวลามาก
6. กลัวว่าบทบาทของตนจะลดลงหรือหมดไป ผู้เรียนจะให้ความสำคัญกับคอมพิวเตอร์ มากกว่าตนเอง

ศุภชัย ไพรินทร์ กล่าวว่า...

การจัดการศึกษารูปแบบ e-learning นี้ เป็นการสนองตอบแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นหลัก ผู้เรียนสามารถเข้าถึง ควบคุมกระบวนการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (Self-Directed Learning) กระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และแก้ปัญหาได้อย่างอิสระ เป็นการเรียน รู้ในลักษณะผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลายสนองต่อกลไกการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ และสนับสนุนการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานการศึกษาเดียวกัน เรียนรู้ได้ทุกเวลา เข้าถึงสาระเนื้อหาได้ในทุกสถานที่ (anyone-anywhere-anytime learning) โดยใช้กลไกของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ข้อควรปฏิบัติในการใช้อินเตอร์เน็ต 10 ข้อ

1.Remember the human
1.1 เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าปฏิบัติต่อคนอื่นในสิ่งที่เราไม่ต้องการให้คนอื่นปฎิบัติต่อเรา
1.2 ในอินเตอร์เน็ตเราไม่ได้คุยกันแบบเผชิญหน้าดังนั้น สิ่งที่เราใช้ในการสื่อสารสำคัญนั้น คือ คำพูดดังนั้นจึงควรใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมและสื่อความหมายได้ชัดเจน
1.3 ประโยคคำพูดต่าง ๆ ที่พิมพ์ออกไปในเครือข่าย สามารถถูกบันทึก และส่งต่อไปยังบุคคลอื่นได้ ดังนั้น จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมา จากคำพูดนั้น ๆ

2. Adhere to the same standards of behavior online that you follow in real life
2.1 ประพฤติตนเช่น เดียวกันกับที่ประพฤติปฎิบัติอยู่ในชีวิตจริง
2.2 ในเครือข่ายนั้นมาตรฐานในการปฎิบัติตน อาจต่างกันไปในแต่ละเครือข่ายแต่โดยรวมแล้วไม่ต่างไปจากข้อพึงปฏิบัติที่เราใช้กันในชีวิตจริง ทั้งในแง่ของจริยธรรมและกฎหมาย

3. Know where you are in cyberspace
3.1 มารยาทในการใช้เครือข่ายจะแตกต่างกันไปในแต่ละเครือข่าย จึงต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังใช้เครือข่ายที่ใดอยู่
3.2 รู้จักเวลา และสถานที่ ก่อนที่จะเจ้าร่วมในกลุ่มสนทนาควรจะลองสังเกตเหตุการณ์และบทสนทนาก่อนหน้านั้นก่อนว่า หัวข้อสนทนานั้นเกี่ยวกับอะไร และสามารถเข้าร่วมสนทนาได้ด้วยหรือไม่

4.Respect other people s time and bandwidth
4.1 bandwidth คือ ความสามารถในการส่งข้อมูลของสายสัญญาณ ที่เชื่อมต่อระหว่างคนแต่ละคนในเครือข่าย และยังหมายถึงความสามารถในการเก็บข้อมูลของระบบที่ให้บริการอีกด้วย
4.2 เมื่อเราทำการส่งเมลล์ไปยังกลุ่มสนทนา เราควรจะแน่ใจว่าไม่เป็นการรบกวนเวลาและBandwidthของคนอื่น
4.3 อย่าคาดหวังว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับเรา
4.4การส่งข้อความลงไปยังกลุ่มสนทนาควรจะเขียนหัวข้อเรื่องอย่างชัดเจน เพื่อเป็นการสะดวกต่อผู้ที่ได้รับ
4.5 ส่งข้อความไปยังบุคคลที่เราต้องการจะให้ทราบข่าวสารนั้นจริง ๆ ไม่ส่งพร่ำเพรื่อ

5.make yourself look good online
5.1 ใช้คำพูดที่ถูกต้องสละสลวย และเหมาะสมกับเวลาและสถานที่
5.2 คิดก่อนพูด เพราะประโยคที่พูดหรือพิมพ์อาจเกิดผลกระบตามมมาภายหลังได้
5.3 ไม่ใช้คำพูดในเชิงลบ ได้แก่คำพุดที่ส่อเสียด หยาบคาย อนาจาร

6.share expert knowledge
6.1 แบ่งปันความรู้ที่มี
6.2 แสดงความเห็นและเสนอแนะต่อคนอื่น

7. help keep flame wars under control
7.1 flaming ได้แก่คำพูดที่เราพูดเมือต้องการแสดงความคิดเห็นอย่างแรงกล้าโดยใส่อารมณ์ลงไปด้วย คำพูดแบบนี้จะทำให้คนฟังเกิดปฎิกิริยาโต้ตอบ
7.2 ต้องช่วยกันควบคุมสิ่งที่เราเรียกว่า flame warsได้แก่ จม.ยุยงให้เกิดความเสียหายและบาดหมางใจกันในกลุ่ม

8.Respect other people s privacy
8.1 เคารพสิทธิส่วนบุคคล เช่น ไม่อ่าน เมลล์ของคนอื่น
8.2การละเมิดสิทธิ์บุคคลอื่นเป็นมารยาทที่แย่มากในการใช้เครือข่าย

9.Don t abuse your power
ไม่ใช้สิทธิ์ที่มีเหนือคนอื่นในทางที่ผิด เช่น เป็นคนมีความสามารถและเชี่ยวชาญ ในการลักลอบเข้าใช้ระบบต่าง ๆ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม

10.Be forgiving of other people s mistakes
ให้อภัยในความผิดคนอื่น ไม่มีใครไม่เคยทำผิด ดังนั้นเมื่อใครทำสิ่งไม่ถูกต้องควรแนะนำให้เขาแก้ให้ถูกต้อง โดยอาจแนะผ่าน mail ไปยังผู้นั้นโดยตรง

pasit กล่าวว่า...

การเรียนการสอนแบบE-learningมีประโยชน์มาก
เช่น
1.เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน
2.สนับสนุนการเรียนการสอน
3.เกิดเครือข่ายความรู้
4.เน้นการเรียนแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ตรงตามหัวใจของการปฏิรูปการศึกษา
5.ลดช่องว่างการเรียนรู้ระหว่างเมืองและท้องถิ่น
เป็นต้น
แต่การเรียนการสอนแบบE-learning ควรจะทำควบคู่กับการเรียนการสอนแบบเดิมหรือเรียนในห้องด้วย เพราะการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลไม่เทากันบางทีอาจเป็นผลเสียต่อผู้เรียนบางคนก็ได้

supong-101 กล่าวว่า...

การจัดการศึกษารูปแบบ e-learning นี้ เป็นการสนองตอบแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นหลัก ผู้เรียนสามารถเข้าถึง ควบคุมกระบวนการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (Self-Directed Learning) กระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และแก้ปัญหาได้อย่างอิสระ เป็นการเรียน รู้ในลักษณะผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลายสนองต่อกลไกการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ และสนับสนุนการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานการศึกษาเดียวกัน เรียนรู้ได้ทุกเวลา เข้าถึงสาระเนื้อหาได้ในทุกสถานที่ (anyone-anywhere-anytime learning) โดยใช้กลไกของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ข้อดี
การเรียนการสอนรูปแบบ e-Learning เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการเรียนการสอนในห้องเรียน สามารถระบุได้ดังนี้
1.1 ความยืดหยุ่นและความสะดวก (Flexibility and Convenience) ผู้เรียนในระบบ e-Learning สามารถเรียนรู้เนื้อหาสาระได้ครบถ้วนตามที่หลักสูตรกำหนด ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ การเรียน ผ่านเว็บสามารถเรียนได้จากที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่สถานศึกษา ตามความสะดวกของผู้เรียน ซึ่งเป็นการขจัดข้อจำกัดทางกายภาพที่เกิดจากการเรียนในห้องเรียนแบบเดิม เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าใช้จ่ายในการใช้ห้องเรียนด้วย
1.2 เรียนได้ทันใจตามความต้องการ (Just-in-time Learning) ผู้เรียนสามารถเรียนผ่านเว็บได้ทุกขณะตามที่ต้องการ การเรียนแบบ e-Learning จึงสามารถชักจูงและทำให้ผู้เรียนเรียนได้เป็นเวลานานโดยไม่เบื่อ ผู้เรียนสามารถค้นหาและเข้าถึงความรู้ใหม่ ๆ ได้ทันเวลาและความต้องการ นอกจากนี้เนื้อหาบนเว็บที่ถูกสร้างและปรับปรุงขึ้นใหม่ทุกขณะ ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต และนำไปใช้ได้อย่างทันเหตุการณ์
1.3 ผู้เรียนเป็นฝ่ายควบคุม (Learner control) ในสภาพการเรียนการสอนผ่านเว็บ ผู้เรียนจะมีเสรีภาพในการศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้สิ่งที่ตนสนใจ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหวังของผู้สอน ผู้เรียนสามารถตัดสินใจตามช่วงจังหวะที่เหมาะสม และประเด็นสำคัญของเนื้อหาการเรียนเอง จึงทำให้เส้นทางการเรียนแบบ e-Learning ของผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันตามความต้องการของตน ถ้าผู้เรียนมีวินัยในตนเอง มีเป้าหมาย และความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของเว็บจะทำให้ผู้เรียนควบคุมการเรียนผ่านเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.4 รูปแบบมัลติมีเดีย (Multimedia Format) เวิลด์ไวด์เว็บ ช่วยให้การนำเสนอเนื้อหามีรูปแบบหลากหลาย ทั้งตัวอักษร เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอ คุณสมบัตินี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเลือกรูปแบบการนำเสนอที่มีประสิทธิภาพต่อการเรียนมากที่สุด
1.5 แหล่งทรัพยากรข้อมูล (Information Resource) มีปัจจัย 2 ประการที่ทำให้เว็บเป็นแหล่งทรัพยากรข้อมูลที่สำคัญ คือ
1.5.1 ข้อมูลที่หลากหลายจำนวนมหาศาลอยู่บนเว็บ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางการศึกษา จากภาครัฐหรือภาคธุรกิจ
1.5.2 รูปแบบ Hyperlink ของเวิลด์ ไวด์ เว็บ ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาได้อย่างสะดวก และง่ายดาย
1.6 ความทันสมัย(Currency) เนื้อหาที่ใช้ในการเรียนบนเว็บนั้นสามารถปรับปรุงให้ทันสมัย ได้ง่ายเมื่อเปรียบเทียบกับหนังสือเรียน จึงทำให้ครูสามารถนำเสนอข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่มีอยู่ให้กับผู้เรียนได้
1.7 ช่วยเผยแพร่ผลงาน (Publishing Capability) ผู้เรียนที่ส่งงานไว้บนเว็บถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้เผยแพร่ผลงานของตนเองออกสู่สาธารณะ เว็บไซต์เป็นแหล่งประกาศผลงานที่ดีเลิศ เพราะคนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ และผู้เรียนก็มีโอกาสได้เห็นผลงานของผู้อื่นบนเว็บด้วยเช่นเดียวกัน
1.8 เพิ่มทักษะทางเทคโนโลยี (Increase Technology Skills) การเรียนผ่านเว็บทำให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะและเพิ่มพูนความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยียิ่งขึ้นโดยลำดับเพราะผู้เรียนจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ และฝึกฝนทักษะได้จากเทคโนโลยีที่หลากหลาย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ ควรคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้
1.1 ความพร้อมของอุปกรณ์และระบบเครือข่าย เนื่องด้วยการเรียนการสอนผ่านเว็บ เป็นการปรับเนื้อหาเดิมสู่รูปแบบใหม่ จำเป็นต้องมีเครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบเครือข่ายที่พร้อมและสมบูรณ์ เพื่อให้ได้บทเรียนดิจิตอลที่มีคุณภาพ และทันต่อความต้องการเรียน ผู้เรียนสามารถเลือกเวลาเรียนได้ทุกช่วงเวลาตามที่ต้องการ ซึ่งในประเทศไทยพบว่ามีปัญหาในด้านนี้มาก โดยเฉพาะในเขตนอกเมืองใหญ่
1.2 ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนและผู้สอน ต้องมีความรู้และทักษะทั้งด้านคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตพอสมควร โดยเฉพาะผู้สอนจำเป็นต้องมีทักษะอื่น ๆ ประกอบ เพื่อสร้างเว็บไซต์การสอนที่น่าสนใจให้กับผู้เรียน
1.3 ความพร้อมของผู้เรียน ผู้เรียนจะต้องมีความพร้อมทั้งทางจิตใจและความรู้ คือจะต้องยอมรับในเทคโนโลยีรูปแบบนี้ยอมรับการเรียนด้วยตนเอง มีความกระตือรือร้น ตื่นตัว ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ กล้าแสดงความคิดเห็นและศึกษาความรู้ใหม่ๆ
1.4 ความพร้อมของผู้สอน ผู้สอนจะต้องเปลี่ยนบทบาท จากผู้แนะนำ มาเป็นผู้อำนวยความสะดวก ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากเรียนรู้ กระตุ้นการทำกิจกรรม เตรียมเนื้อหาและแหล่งค้นคว้าที่มีคุณภาพ รวมทั้งความพร้อมด้านการใช้คอมพิวเตอร์ การผลิตบทเรียนออนไลน์ และการเผยแพร่บทเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
1.5 เนื้อหา บทเรียน เนื้อหาบทเรียนจะต้องเหมาะสมกับผู้เรียนให้มากกลุ่มที่สุด มีความหลากหลายให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเลือกเรียนได้ด้วยตนเอง มีกิจกรรมวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เลือกใช้สื่อการสอนที่เหมาะสม และเหมาะสมกับความพร้อมของเทคโนโลยี การลำดับเนื้อหาไม่ซับซ้อน ไม่ก่อให้เกิดความสับสน ระบุแหล่งค้นคว้าอื่นๆ ที่เหมาะสม
1.6 Asynchronous Learning การจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ โดยเฉพาะ e-Learning เป็นการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยี Asynchronous ที่ทำให้การเรียนการสอน ดำเนินไปได้โดยไม่จำกัดเวลา
เสนอบทความโดย นายสุพงษ์ เที่ยงผดุง รหัส223

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

การเรียนรู้ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-เลิร์นนิ่ง (e-learning) หมายถึง การเรียน รู้บนฐานเทคโนโลยี (Technology-based learning) ซึ่งครอบ คลุมวิธีการเรียนรู้ หลากหลายรูปแบบ อาทิ - การเรียนรู้บนคอมพิวเตอร์ (computer-based learning) - การเรียนรู้บนเว็บ (web-based learning) - ห้องเรียนเสมือนจริง (virtual classrooms) - ความร่วมมือดิจิทั่ล (digital collaboration) เป็นต้น ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ผ่าน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท อาทิ อินเทอร์เน็ต (internet) อินทราเน็ต (intranet) เอ็กซ์ทราเน็ต (extranet) การถ่าย ทอดผ่าน ดาวเทียม (satellite broadcast) แถบบันทึกเสียงและ วิดีทัศน์ (audio/video tape) โทรทัศน์ที่สามารถโต้ตอบกันได้ (interactive TV) และซีดีรอม (CD- ROM) การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความ สำคัญ มากขึ้นเป็น ลำดับ

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อี-เลิร์ นนิ่งแพร่ขยายเข้าไปถึงการศึกษาในระบบ การพัฒนาบุคลากรใน องค์การธุรกิจ รวมถึงการเรียนรู้ส่วนบุคคล แต่ สำหรับ ประเทศไทย การเรียนรู้ผ่านสื่อ อิเล็กทรอนิกส์นับว่าเป็นเรื่องใหม่มาก และยังไม่มี การนำไปใช้ประโยชน์มากนัก อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่โลก กำลังเปลี่ยน แปลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากแรงขับเคลื่อนจากกระแสโลกาภิวัตน์ การ เปิด เสรีทาง เศรษฐกิจ และการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเทศไทย จึงมีความ จำเป็นต้องเร่งเตรียมความพร้อมของประชาชนเพื่อรองรับการเปลี่ยน แปลงใน อนาคต อี-เลิร์นนิ่งจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความเหมาะสมสำหรับ การ พัฒนา ทรัพยากรบุคคลของประเทศเพื่อการแข่งขันในโลกยุคใหม่ เนื่อง ด้วย เหตุผลที่จะ กล่าวต่อไป

การขยายโอกาสทางการศึกษา การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีต้นทุนในการ จัดการศึกษาที่ต่ำกว่าการ ศึกษาในชั้นเรียน ถึงแม้ว่าเงินทุนในช่วงแรก หรือต้นทุน คงที่ (fixed cost) ของการเรียนรู้ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะค่อนข้างสูง แต่อี-เลิร์ นนิ่งจะสามารถตอบสนองต่อผู้เรียนได้มากกว่าการจัดการ ศึกษาในห้องเรียน โดย ที่ผู้จัดการศึกษามีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหน่วยสุดท้าย (marginal cost) เกือบเป็นศูนย์ แม้ว่าจะมีการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนจำนวนมากขึ้นก็ ตาม ทั้งนี้หากเปรียบเทียบ ต้นทุนทั้งหมด (total cost) การจัดการเรียนรู้ ผ่าน สื่ออิเล็กทรอนิกส์จะมีต้นทุนที่ ต่ำกว่าการเรียนรู้ในชั้นเรียนถึงร้อยละ 40 นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถ เรียนรู้ ได้ ทุกที่ ทุกเวลาและทุกคน (anywhere anytime anyone) และไม่ว่า จะทำการ ศึกษา ณ สถานที่ใด การเรียนรู้ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะยังคงมีเนื้อหา เหมือนกัน และมีคุณภาพที่เท่าเทียมกัน และยังสามารถวัดผลของการ เรียนรู้ได้ดี กว่า
การ เรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทำให้โอกาสในการศึกษาของประชาชน เพิ่มสูงขึ้น ส่ง ผลทำให้ประชาชนมีความรู้และทักษะที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการ พัฒนาประเทศ ไปสู่เศรษฐกิจที่ต้องใช้ความรู้และเทคโนโลยีเข้มข้นมากขึ้น

การเรียนรู้ไม่จำเป็น ต้องเรียง ตามลำดับหรือเป็นโปรแกรมแบบเส้นตรง แต่ผู้เรียน สามารถ ข้ามขั้นตอนที่ตนเองคิดว่าไม่จำเป็น หรือเรียงลำดับการเรียนรู้ ของตนเอง ได้ตามใจปรารถนา
การเรียนรู้ตาม ศักยภาพและ ความสนใจของผู้เรียน ทำให้ ประชาชนใน ประเทศเกิดการพัฒนาความเชี่ยวชาญ เฉพาะทางและมีการพัฒนา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความจำเป็นใน การแข่งขันในเศรษฐกิจบน ฐานความ รู้ (knowledge-based economy) ในอนาคต
การที่สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย เฉพาะอินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งที่รวมความรู้ จำนวน มหาศาล ผู้เรียนจึงมีช่องทางและวิธีการเรียนรู้ให้เลือกอย่างหลากหลาย

ผู้เรียน สามารถเลือกสื่อการเรียน การสอนได้ตามความถนัดและความสนใจ ทั้ง ในรูปแบบ ของตัวอักษร รูปภาพ ภาพสร้างสรรค์จำลอง (animations) สถานการณ์ จำลอง (simulations) เสียงและภาพเคลื่อนไหว (audio and video sequences) กลุ่ม อภิปราย (peer and expert discussion groups) และการปรึกษาออ นไลน์ (online mentoring) ด้วยเหตุนี้ การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทำให้ ประสิทธิภาพการเรียนรู้ ของผู้เรียนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 มากกว่าการเรียนรู้โดย การฟัง การบรรยายในห้องเรียน หรือจากการ อ่านหนังสือ และทำให้ผู้เรียน สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้นถึงร้อยละ 60 ของการเรียน รู้แบบดั้งเดิม
ทั้ง นี้ ประสิทธิภาพและความรวด เร็วของการเรียนรู้มีความสำคัญมาก สำหรับการแข่งขัน ในระบบเศรษฐกิจโลกในอนาคต เพราะจะทำให้คน องค์การ และ ประเทศ สามารถ ปรับตัวและตอบสนองการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และ ทำให้เกิดความ รวดเร็วในการช่วงชิงความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งทำให้เกิดการพัฒนา ทักษะของแรงงานได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เปลี่ยน แปลงอย่าง รวดเร็ว การสร้างความสามารถในการหาความรู้ด้วยตนเอง

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ประโยชน์จาก E-learning

1 ความรู้ไม่สูญหายไปกับคนเพราะสามารถเก็บไว้ได้
2 ประหยัดเวลาเดินทางและค่าใช้จ่าย
3 ผู้เรียนเลือกได้ว่าต้องการเรียนกับอาจารย์ท่านใดหรือหลายท่านก็ได้

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

E-learning ในสถานศึกษา
โดย ดาวรัตน์ แท่นรัตน์
E-Learning คือระบบการเรียนทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถเผยแพร่ข้อมูล
ได้อย่างกว้างขวางสามารถควบคุมลำดับชั้นของการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างระบบ
การสื่อสารภายในห้องเรียนที่ไม่มีข้อจำกัดในด้านเวลาและสถานที่และระบบการประเมินผลก็เป็นไปอย่าง
ตรงไปตรงมาและเหนือสิ่งอื่นใด ระบบการเรียนรู้ E-learning ผู้เรียนจะต้องใช้ความรับผิดชอบสูงจึงจะ
ประสบความสำเร็จ ในประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาหลายแห่งให้ความสนใจ และ
เริ่มต้นพัฒนาระบบการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการค้นการเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการ
ความสะดวกและรวดเร็ว ความคงทนของข้อมูล รวมทั้งความสามารถในการทำข้อมูลให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวล
ที่มา http://library.rsu.ac.th/pdf/j7chapter%206.pdf

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

(ต่อ)
บทบาทการเรียนการสอน E-learning ในประเทศไทย
สังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ IT E-learning เป็นการนำไอทีไปใช้ในด้านการส่งเสริมประสิทธิภาพด้าน
การเรียนการสอนในหลากหลายรูปแบบ เช่นการนำมัลติมีเดียมาเป็นสื่อการสอนของครู/อาจารย์ ให้ผู้เรียน
เรียนรู้ค้นคว้าด้วยตัวเอง ด้วยการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม
ในยุคปัจจุบันเป็นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Stand-alone หรือการเรียนผ่านเครือข่าย
เชื่อมโยงสู่อินเทอร์เน็ตเพื่อการค้นคว้าหาข้อมูล แลกเปลี่ยนค้นข้อมูลความรู้บนเครือข่ายซึ่งที่ผ่านมาเราใช้สื่อ
การเรียนการสอนในรูปแบบของสื่อผสม (Multimedia) ใช้การนำเสนอลงบนแผ่นซีดี-รอม โดยใช้
Authoring tool ทั้งภาพและเสียงเพื่อเกิดการปฏิสัมพันธ์ ให้กับผู้เรียนซึ่งสื่อเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะได้รับ
ความสนใจสูงขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา http://library.rsu.ac.th/pdf/j7chapter%206.pdf

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

การเปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบชั้นเรียนปกติกับ E-learning
ชั้นเรียนปกติ
1. ผู้เรียนนั่งฟังการบรรยายในชั้นเรียน
2. ผู้เรียนค้นคว้าจากตำราในห้องสมุดหรือสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ
3. เรียนรู้การโต้ตอบจากการสนทนาในชั้นเรียน
4. ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่
E-learning
1. ใช้ระบบวีดีโอออนดีมานด์เรียนผ่านทางเว็บ
2. ค้นคว้าหาข้อมูลผ่านทางเว็บที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วโลก สะดวก รวดเร็ว และทันสมัย
3. ใช้ระดานถาม-ตอบช่วยให้ผู้เรียนกล้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เต็มที่ เหมาะกับผู้เรียนจำนวน
มาก
4. จะเรียนเวลาไหน ที่ใดก็ได้
ที่มา http://library.rsu.ac.th/pdf/j7chapter%206.pdf

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

อนาคตของระบบการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการศึกษาทางอิเล็ก
ทรอนิกส์จะเติบโตและเป็นที่แพร่หลายก็คือ การที่ระบบเครือข่ายมีเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการนำเสนอระบบ
การเรียนการสอนที่น่าสนใจเช่น การใช้เสียงส่งสัญญาณวีดีโอตามความต้องการ ( Video on demand)
และการประชุมผ่านสัญญาณวีดีโอ ในขณะเดียวกันก็ให้บริการที่เชื่อถือได้
ประเภทของe-learning แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
1. Synchronous - ผู้เรียนและผู้สอนอยู่ในเวลาเดียวกัน เป็นการเรียนแบบเรียลไทม์ เน้นผู้เรียน
เป็นศูนย์กลาง เช่นห้องเรียนที่มีอาจารย์สอนนักศึกษาอยู่แล้วแต่นำไอทีเข้ามาเสริมการสอน
2 . Asychronous- ผู้เรียนและผู้สอนไม่ได้อยู่ในเวลาเดียวกันไม่มีปฏิสัมพันธ์แบบเรียลไทม์
เน้นศูนย์กลางที่ผู้เรียนเป็นการเรียนด้วยตนเองผู้เรียน เรียนจากที่ใดก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต โดยสามารถเข้าไป
ยังโฮมเพจเพื่อเรียน ทำแบบฝึกหัดและสอบ มีห้องให้สนทนากับเพื่อร่วมชั้นมีเว็บบอร์ดและอีเมล์ให้ถาม
คำถามผู้สอน แต่ละประเภทก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป
ข้อดี ของ Synchronous คือ ได้บรรยากาศสด ใช้กับกรณีผู้สอนมีผู้ต้องการเรียนด้วยเป็นจำนวนมาก
และสามารถประเมินจำนวนผู้เรียนได้ง่าย
ข้อเสีย ของ Synchronous คือ กำหนดเวลาในการเรียนเองไม่ได้ต้องเรียนตามเวลาที่กำหนดของคน
กลุ่มใหญ่
ข้อดี ของ Asynchronous คือ ผู้เรียน เรียนได้ตามใจชอบ จะเรียนจากที่ไหน เวลาใด ต้องการเรียน
อะไรหรือให้ใครเรียนด้วยก็ได้
ข้อเสีย ของ Asynchronus ไม่ได้บรรยากาศสด การถามด้วย chat หรือเว็บบอร์ดอาจไม่ได้รับการตอบ
กลับ
E – learning ในสถานศึกษา สามารถใช้ได้กับสถานศึกษา เริ่มจากที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ให้นักศึกษา
รับการบ้าน ส่งการบ้านทางอินเทอร์เน็ต มีการพัฒนานำเนื้อหาไว้ที่โฮมเพจของมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาเข้า
มาเรียนจากบ้านได้
ประโยชน์จาก E-learning
1 ความรู้ไม่สูญหายไปกับคนเพราะสามารถเก็บไว้ได้
2 ประหยัดเวลาเดินทางและค่าใช้จ่าย
3 ผู้เรียนเลือกได้ว่าต้องการเรียนกับอาจารย์ท่านใดหรือหลายท่านก็ได้

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ลักษณะสำคัญของ e-learning มีดังนี้
1. Anywhere, Anytime and Anybody คือ ผู้เรียนจะเป็นใครก็ได้ มาจากที่ใดก็ได้ และเรียนเวลาใดก็ได้ตามความต้องการของผู้เรียน เพราะหน่วยงานได้เปิดเว็บไซต์ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งบริการจัดทำเป็นชุด CD เพื่อใช้ในลักษณะ Offline ให้กับโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่สนใจ แต่ยังไม่พร้อมในระบบอินเทอร์เน็ต
2. Multimedia สื่อที่นำเสนอในเว็บ ประกอบด้วยข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ตลอดจนวีดิทัศน์ อันจะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
3. Non-Linear ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนเนื้อหาที่นำเสนอได้ตามความต้องการ
4. Interactive ด้วยความสามารถของเอกสารเว็บที่มีจุดเชื่อม (Links) ย่อมทำให้เนื้อหามีลักษณะโต้ตอบกับผู้ใช้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว และผู้เรียนยังเพิ่มส่วนติดต่อกับวิทยากรผ่านระบบเมล์ ICQ, Microsoft Messenger และสมุดเยี่ยม ทำให้ผู้เรียนกับวิทยากรสามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นรูปแบบการเรียนการสอนผ่านเว็บ จึงมีความยึดหยุ่นสูง ผู้เรียนจะต้องมีความรับผิดชอบ มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากกว่าปกติ มีความตั้งใจใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ ตรงกับระบบการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยมีผู้สอนเป็นเพียงผู้แนะนำ ที่ปรึกษา และแนะนำแหล่งความรู้ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียน

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

e-Book คำเต็มคือ Electronic Book หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นการจำลองรูปลักษณ์ของหนังสือมาอยู่ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เปิดใช้งานโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถสื่อสารกับผู้อ่านในลักษณะของมัลติมีเดียได้ ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง แต่ยังคงรักษารูปแบบความเป็นหนังสือไว้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือลักษณะการเปิดอ่าน ทำให้ผู้ที่รักในการอ่านหนังสือ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากนักเมื่อหันมาอ่านหนังสือระบบ e-Book
e-Learning คำเต็มคือ Electronic Learning หรือการเรียนรู้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบการจัดการเรียนการสอนแบบครบวงจร ผ่านระบบจัดการเรียนการสอน (LMS) ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เริ่มตั้งแต่การลงทะเบียนเรียน เข้าชั้นเรียน เรียนรู้ในหัวข้อที่สนใจ ทำแบบฝึกหัด และแบบทดสอบที่มอบหมาย นอกจากนั้น ยังสามารถสื่อสารกับผู้สอนได้ในห้องสนทนา (Chat room) หรือกระดานอิเล็กทรอนิกส์ (Web board) พร้อมทั้งมีระบบฐานข้อมูลผู้เรียน

ความเหมือน
จากชื่อก็คงชัดเจนว่ามีคำว่า electronic เหมือนกัน นั่นคือเป็นสื่อที่ใช้ช่องทางติดต่อสื่อสารทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น พร้อมทั้งพัฒนาโดยซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเริ่มต้นพัฒนาโดยภาษาคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรม (Programmer) หรือใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ที่ทำให้ผู้ที่นำไปใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากนัก
ความต่าง
ถึงแม้จะเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกัน แต่รูปแบบหรือจุดประสงค์การใช้งานก็มีความแตกต่างกัน e-Book ใช้เพื่อการเรียนรู้โดยอิสระ เหมือนเลือกอ่านหนังสือ จะอ่านเล่มใด เรื่องใด เมื่อใด เป็นเรื่องของผู้อ่านทั้งสิ้น ส่วนวิธีในการอ่าน จะอ่านจากสื่อ e-Book ที่บรรจุในแผ่นซีดีหรือดีวีดี หรือจะเลือกอ่านจาก Web Site ต่าง ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ได้
ส่วน e-Learning เป็นระบบจัดการเรียนการสอนคล้ายการเรียนในชั้นเรียนปกติ เพียงแต่ใช้อุปกรณ์และช่องการสื่อสารระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วย ทำให้สามารถเรียนรู้ได้ “ทุกคน ทุกสถานที่ และทุกเวลา” ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีการจัดการเรียนการสอนแบบครบวงจร เริ่มต้องแต่การลงทะเบียนเรียน ไปจนถึง การทำงานที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งการพบปะผู้สอนตามการนัดหมาย อีกด้วย

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ลองพิจารณาความหมายของ eLearning ที่มีผู้ให้คำจำกัดความไว้ ดังนี้:

Bank of America Securities: eLearning คือการมาบรรจบกันของการเรียนและอินเทอร์เน็ต
Cornelia Weggen, WR Hambrecht & Co: eLearning [คือ] การส่งเนื้อหาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคทั้งมวล ซึ่งหมายรวมถึงอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต ดาวเทียม วิทยุโทรทัศน์ ออดีโอ/วิดีโอเทป TV แบบโต้ตอบ และ CD-ROM
Elliott Masie, The Masie Center: eLearning คือการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเครือข่ายเพื่อออกแบบ นำส่ง เลือก บริหารจัดการ และขยายขอบเขตของการเรียนออกไป
Arista Knowledge Systems: eLearning คือการใช้พลานุภาพของเครือข่ายเพื่อให้การเรียนเกิดขึ้นได้ในทุกเวลา ทุกสถานที่
ChulaOnline: ทางเลือกหนึ่งในปัจจุบันที่มีขึ้นเพื่อพัฒนาระบบการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ช่วยให้ผู้เรียนซึ่งอยู่ในจุดที่ห่างไกลจากผู้สอนสามารถที่จะเรียนเนื้อหาวิชา หลักสูตรต่างๆได้อย่างไม่จำกัดสถานที่และเวลา
Thai2Learn: การศึกษาโดยใช้สื่อการเรียนผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ ซีดี รอม โดยมีระบบคอมพิวเตอร์รองรับ เพื่อให้ผู้เรียน สามารถได้เรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการ และอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนในการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
iKnow: ระบบที่มีกระบวนการเรียนการสอนที่ใช้ Electronic อาจเป็นได้ทั้ง offline, online, server-based, web-based หรือ เครื่องที่ใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เช่น เครื่องวิทยุ - เทป - ซีดีรอม - TV - computer และแม้กระทั่งผ่านระบบดาวเทียม ปัจจุบันเป็นที่เข้าใจว่า e-Learning หมายถึงการศึกษาระบบที่ใช้ Internet technology เป็นหลัก
Thailand Securities Institute (TSI): E เป็นอักษรย่อของคำว่า Electronics (อิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งเมื่อรวมกับคำว่า Learning ที่แปลว่า การเรียนรู้ ก็จะได้คำจำกัดความของ E-Learning คือ ระบบหรือกระบวนการเรียนรู้ หรือการเรียนการสอน ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ วิดีโอ ซีดีรอม ระบบดาวเทียม ระบบ LAN และ Internet
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์: การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-เลิร์นนิ่ง (e-learning) หมายถึง การเรียนรู้บนฐานเทคโนโลยี (Technology-based learning) ซึ่งครอบคลุมวิธีการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ อาทิ การเรียนรู้บนคอมพิวเตอร์ (computer-based learning) การเรียนรู้บนเว็บ (web-based learning) ห้องเรียนเสมือนจริง (virtual classrooms) และความร่วมมือดิจิทั่ล (digital collaboration) เป็นต้น ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท อาทิ อินเทอร์เน็ต (internet) อินทราเน็ต (intranet) เอ็กซ์ทราเน็ต (extranet) การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม (satellite broadcast) แถบบันทึกเสียงและวิดีทัศน์ (audio/video tape) โทรทัศน์ที่สามารถโต้ตอบกันได้ (interactive TV) และซีดีรอม (CD-ROM)
ดร.ไพฑูรย์ ศรีฟ้า: E-Learning คือ การเรียนการสอนทางไกลที่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง World Wide Web ซึ่งผู้เรียนและผู้สอนใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลมากมายที่มีอยู่ทั่วโลกอย่างไร้ขอบเขตจำกัด ผู้เรียนสามารถทำกิจกรรมหรือแบบฝึกปฏิบัติต่างๆ แบบออนไลน์ โดยใช้เครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกอยู่ใน WWW เป็นการเรียนการสอนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะไม่มีขีดจำกัดเรื่องระยะทาง เวลา และสถานที่ อีกทั้งยังสนองตอบต่อศักยภาพและความสามารถของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
ดร.ชุณหพงศ์ ไทยอุปถัมภ์: การนำเอาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเข้ามาร่วมในการเรียนการสอน โดยผ่านทางอินเตอร์เน็ตและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ซึ่งจะเน้นให้มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับสื่อ ผู้เรียนกับผู้สอน และผู้เรียนด้วยกันเป็นหลัก ทั้งยังส่งเสริม การเรียนรู้แบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นระบบการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่น ผู้เรียนสามารถควบคุมจังหวะการเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อประสิทธิภาพในการเรียนรู้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

lสุกัญญา มนตรี กล่าวว่า
องค์ประกอบของ e- learning ที่สำคัญมี 4 ส่วน คือ
1.เนื้อหา (content) สำหรับการเรียน การศึกษาแล้วไม่ว่าจะเรียนอย่างไรก็ตามเนื้อหาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด e-Learning ก็เช่นกัน
2.ระบบบริหารการเรียน หรือ LMS ซึ่งย่อมาจาก e-Learning Management System ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสารและการกำหนดลำดับของเนื้อหาในบทเรียน แล้วนำส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังผู้เรียน ซึ่งรวมไปถึงขั้นตอนการประเมินผล ควบคุม และสนับสนุนการให้บริการทั้งหมดแก่ผู้เรียน ระบบบริหารการเรียนจะทำหน้าที่ตั้งแต่ผู้เรียนเริ่มเข้ามาเรียน โดยจัดเตรียมหลักสูตร บทเรียนทั้งหมดเอาไว้พร้อมที่จะให้ผู้เรียนได้เข้ามาเรียน เมื่อผู้เรียนได้เริ่มต้นบทเรียนแล้วระบบจะเริ่มทำงานโดยส่งบทเรียนตามคำขอของผู้เรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปแสดงที่ web browser ของผู้เรียน จากนั้นระบบก็จะติดตามและบันทึกความก้าวหน้า รวมทั้งสร้างรายงานกิจกรรมและผลการเรียนของผู้เรียนในทุกหน่วยการเรียนอย่างละเอียด จนกระทั่งจบหลักสูตร
3.การติดต่อสื่อสาร มีเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้ติดต่อสอบถาม ปรึกษาหารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างตัวผู้เรียนกับครู อาจารย์ผู้สอน และระหว่างผู้เรียนกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนอื่นๆ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
· ประเภทช่วงเวลาเดียวกัน (synchronous) ได้แก่ chat
· ประเภทช่วงเวลาต่างกัน (asynchronous) ได้แก่ web-board, e-mail
4.การสอบ/วัดผลการเรียน โดยทั่วไปแล้วการเรียนไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระดับใด หรือเรียนวิธีใด ก็ย่อมต้องมีการสอบ/การวัดผลการเรียนเป็นส่วนหนึ่งอยู่เสมอ การสอบ/วัดผลการเรียนจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้การเรียนแบบ e-Learning เป็นการเรียนที่สมบูรณ์ บางวิชาจำเป็นต้องวัดระดับความรู้ก่อนสมัครเข้าเรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนในบทเรียน หลักสูตรที่เหมาะสมกับตนมากที่สุด ซึ่งจะทำให้การเรียนที่จะเกิดขึ้นเป็นการเรียนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเข้าสู่บทเรียนในแต่ละหลักสูตรก็จะมีการสอบย่อยท้ายบท และการสอบใหญ่ก่อนที่จะจบหลักสูตร

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ถึงยุคที่การสื่อสารไร้สายและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต แทรกซึมเข้าไปแทบทุกอนูของชีวิตประจำวัน และแล้วก็ถึงเวลาที่ฝันของคนเบื่อโรงเรียนแต่ยังอยากได้ปริญญาจะเป็นจริง เมื่อมหาวิทยาลัยชื่อดังในเมืองไทย เริ่มเปิดให้มีหลักสูตรเรียนหนังสือที่บ้านผ่านอินเทอร์เน็ตกันแล้ว สภาพแวดล้อมทางการศึกษา ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศ มีบทบาทต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันเป็นยุคสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้คนทั่วโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ (Chat) การใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) การสืบค้นข้อมูลตามเว็บไซต์ต่างๆ สำหรับวงการธุรกิจก็เกิดระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) และธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในวงการศึกษาเกิดระบบมหาวิทยาลัยเสมือน (Virtual University) มหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ (e-University) ซึ่งจะมีการจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) ซึ่งอาจเป็นการสอนแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ได้ การสอนแบบออนไลน์ จะสอนผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือ อินทราเน็ต ผู้เรียนกับผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ การสอนแบบออฟไลน์ เป็นการสื่อช่วยสอนประเภทวีดีโอ หรือ ซีดีรอม ที่รู้จักกันในชื่อ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer As Instruction : CAI) หรือ คอมพิวเตอร์ช่วยในการฝึกอบรม (Computer Based Training : CBT) สื่ออิเล็กทรอนิกส์จะเป็นเครื่องมือช่วยในการเรียนการสอนก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (Life Long Learning) ผู้ที่สนใจสามารถเลือกที่จะศึกษาได้ตามความต้องการของตนเอง เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ใช้เวลาไหนก็ได้สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา หรืออยู่ที่ไหนก็สามารถเรียนรู้ได้

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการศึกษาทาง อิเล็กทรอนิกส์จะเติบโตและเป็นที่แพร่หลายก็คือ การที่ระบบเครือข่ายมีเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการนำเสนอระบบ การเรียนการสอนที่น่าสนใจเช่น การใช้เสียงส่งสัญญาณวีดีโอตามความต้องการ ( Video on demand) และการประชุมผ่านสัญญาณวีดีโอ ในขณะเดียวกันก็ให้บริการที่เชื่อถือได้
ประเภทของE-learning แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม

1. Synchronous - ผู้เรียนและผู้สอนอยู่ในเวลาเดียวกัน เป็นการเรียนแบบเรียลไทม์ เน้นผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง เช่นห้องเรียนที่มีอาจารย์สอนนักศึกษาอยู่แล้วแต่นำไอทีเข้ามาเสริมการสอน

2. Asynchronous- ผู้เรียนและผู้สอนไม่ได้อยู่ในเวลาเดียวกันไม่มีปฏิสัมพันธ์แบบเรียลไทม์ เน้นศูนย์กลางที่ผู้เรียนเป็นการเรียนด้วยตนเองผู้เรียน เรียนจากที่ใดก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต โดยสามารถเข้าไป ยังโฮมเพจเพื่อเรียน ทำแบบฝึกหัดและสอบ มีห้องให้สนทนากับเพื่อร่วมชั้นมีเว็บบอร์ดและอีเมล์ให้ถาม คำถามผู้สอน แต่ละประเภทก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป

ข้อดี ของ Synchronous คือ ได้บรรยากาศสด ใช้กับกรณีผู้สอนมีผู้ต้องการเรียนด้วยเป็นจำนวนมาก และสามารถประเมินจำนวนผู้เรียนได้ง่าย

ข้อเสีย ของ Synchronous คือ กำหนดเวลาในการเรียนเองไม่ได้ต้องเรียนตามเวลาที่กำหนดของคน กลุ่มใหญ่
ข้อดี ของ Asynchronous คือ ผู้เรียน เรียนได้ตามใจชอบ จะเรียนจากที่ไหน เวลาใด ต้องการเรียน อะไรหรือให้ใครเรียนด้วยก็ได้

ข้อเสีย ของ Asynchronous ไม่ได้บรรยากาศสด การถามด้วย chat หรือเว็บบอร์ดอาจไม่ได้รับการตอบ กลับ E – learning ในสถานศึกษา สามารถใช้ได้กับสถานศึกษา เริ่มจากที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ให้นักศึกษา รับการบ้าน ส่งการบ้านทางอินเทอร์เน็ต มีการพัฒนานำเนื้อหาไว้ที่โฮมเพจของมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาเข้า มาเรียนจากบ้านได้

ประโยชน์จาก E-learning
1 ความรู้ไม่สูญหายไปกับคนเพราะสามารถเก็บไว้ได้
2 ประหยัดเวลาเดินทางและค่าใช้จ่าย
3 ผู้เรียนเลือกได้ว่าต้องการเรียนกับอาจารย์ท่านใดหรือหลายท่านก็ได้

ที่มา ครูบ้านดอดคอม

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

แม้ว่าการสอนโดยอาศัยการออกอากาศทางวิทยุหรือโทรทัศน์จะเคยเป็นและยังคงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการจัดการศึกษา แต่ก็มีแนวโน้มว่าเราจะนำระบบวงจรปิดเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนมากขึ้น ระบบวงจรปิด เช่น ไมโครเวฟ โทรทัศน์วงจรปิด และการใช้ดาวเทียมมีข้อได้เปรียบระบบวงจรเปิดที่สามารถถ่ายทอดทเรียนเป็นจำนวนมากได้พร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ยังได้เปรียบตรงที่ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ตัวอย่างเช่น การส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมจะทำให้เราสามารถส่งสัญญาณไปได้ทุกจุดบนพื้นโลกและเมื่อไปถึงจุดใดจุดหนึ่งแล้วก็สามารถส่งต่อไปตามสายเคเบิลหรือใช้ระบบไมโครเวฟไปยังห้องเรียนสถานที่อื่นๆ ในโรงเรียนหรือที่บ้าน หรือห้อง ประชุมในโรงแรม เป็นต้น นอกจากนี้การรับสัญญาณโทรทัศน์จากดาวเทียมโดยตรงของทาง โรงเรียน วงการธุรกิจอุตสาหกรรม โรงพยาบาล และสภาพการเรียนการสอนอื่น ๆ ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ก็ด้วยเหตุที่เรามีเครื่องรับที่ดีและเหมาะสม จึงทำให้เราสามารถขจัดปัญหาเดิมที่ต้องส่งโดยใช้สายเคเบิล สัญญาณดาวเทียมสามารถส่งผ่านทางสายโทรศัพท์ซึ่งประกอบด้วยแผ่นไฟเบอร์ที่สามารถส่งสัญญาณของหลายรายการได้ในเวลาเดียวกัน
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นอีกมิติหนึ่งของการเรียนการสอนโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกสั เนื่องจากสมรรถภาพทางการสอนของคอมพิวเตอร์ที่เราพบเห็นในปัจจุบันทำให้คาดการณ์ได้ว่าในอนาคตจะมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งนี้โดยมีศูนย์คอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ผลิตโปรแกรมทางการศึกษาซึ่งพร้อมที่จะให้บริการได้ตลอดเวลา หรืออาจเก็บบทเรียนไว้ในอุปกรณัไมโครคอมพิวเตอร์ซึ่งพร้มอที่จะนำมาใน้ได้เมื่อต้องการ
ระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์เปิดโอกาสให้กับการนำเทคนิคใหม่ๆ มาใช้ในการเรียนการสอน เช่น การประชุมทางไกล (Teleconferencing) หลังจากการทดลองใช้ในประเทศแถบสแกนดิเนเวียทำให้เราทราบว่าเราสามารถนำเทคนิคการประชุมทางไกลมาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมีชีวิตชีวาโดยที่ครูไม่จำเป็นต้องเดินทางออกจากบ้านมาสอน ตัวอย่างเช่น ครูอาจบันทึกบทเรียนของเขาไว้ในวีดีโอเทปแล้วส่งสัญญาณภาพออกไปโดยใช้ระบบวงจรปิด หลังจากนั้นหรือขณะที่กำลังดูรายการโทรทัศน์อยู่นั้น ผู้สอนอาจพูดคุยกับผู้ดูโทรทัศน์ทางสายโทรศัพท์ที่ออกแบบเพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ
ความสนใจในระบบการประชุมทางไกลเกิดขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายและความไม่สะดวกในการเดินทางอันเป็นผลมาจากการขาดแคลนพลังงานในหลาย ๆ ประเทศ ตัวอย่าง การทดลองเกี่ยวกับเรื่องนี้คือศูนย์การสอนที่มีชื่อว่า The Center for Interactive Programs and Instructional Communication ของมหาวิทยาลัยวิสคอนชิน สหรัฐอเมริกา ศูนย์การสอนแห่งนี้ได้จัดการสัมมนาเกี่ยวกับการประชุมทางไกล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 แม้ว่าในหลายประเทศที่ไม่คาดฝันว่าจะมีปัญหาด้านการขาดแคลนพลังงานก็ตามต่างก็ได้ให้ความสนใจและจะนำเทคนิคการประชุมทางไกลหรือเทคนิคการสอนทางไกลอื่นๆ ที่คล้ายกันมาใช้ในเร็ววันนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญต่อการสื่อสารทางไกลโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการสอนทางไกล ดังจะเห็นได้จากการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชซึ่งเปิดสอนในระดับปริญญาตรีสาขาวิชาต่างๆ โดยใช้เทคนิคการสอนทางไกล
ในระยะยาวการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำมาใช้ในการสอนจะส่งผลอย่างมากต่อการบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดการศึกษา นักการศึกษาและประชาชนทั่วไปได้คลาดการณ์ว่าในช่วงหลังของศตวรรษนี้โรงเรียนขนาดใหญ่จะเข้ามาแทนที่โรงเรียนขนาดเล็ก จึงจะเพิ่มโอกาสให้แก่นักเรียนได้เข้าถึงการเรียนการสอนอย่างแท้จริง และช่วยให้การใช้บุคลากรที่มีอยู่เป็นไปอย่างคุ้มค่ารวมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาด้วย อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถขจัดอุปสรรคดังกล่าวได้ ทั้งในด้านการบริหารและค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียนกลุ่มเล็กในโรงเรียนขนาดเล็กหลาย ๆ แห่ง ฝ่ายที่ต้องการให้มีการกระจายอำนาจทางการศึกษา มีความเห็นว่า การเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอาจเป็นอีกแรงหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้โรงเรียนต้องหันมาสนใจในการที่จะนำเอาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ตอนนี้ e-learning ได้เข้ามามีบทบาทในระบบการศึกษาของไทยมากขึ้นแล้วครับ ไม่เฉพาะนักเรียนนักศึกษาที่มีการใช้ e-learning แม้แต่ครูอาจารย์ก็เหมือนกัน อย่างโรงเรียนจังหารฐิตวิริยาประชาสรรค์ที่ผมไปฝึกสอนก็เข้าร่วมโครงการ e-training (การฝึกอบรมครูผ่านระบบออนไล์น) ของมหาวิทยาลัยขอนแ่ก่นร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ(เขตการศึกษาภาคอีสาน) ผมเองเข้าเริ่มการฝึกสอนวันที่ 21 ก็เลยได้เข้าร่วมกับอาจารย์ที่ดูแลระบบของโรงเรียนในการช่วยครูอาจารย์ท่านอื่นๆ ในการสมัครและการเข้าระบบ

narinchoti กล่าวว่า...

การจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบ e-learning จำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน ซึ่งจำเป็นจะต้องติดต่อกันได้อย่างสะดวก เพื่อแก้ไขปัญหาหรือสอบถามการเรียนได้ระหว่างการเรียน

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ narinchoti ครับ ยังไงก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้นะครับ จะได้แลกเปลี่ยนประสปการณ์ความรู้กันครับ
Best regard
แมน ปิติภัทร์ โพธิจักร

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ใช่ครับ เห็นด้วยกับ อาจารย์นรินทร์โชติ บุณยนันท์ศิริ
และขอบคุณเป็นอย่างยิงครับ กับความคิดเห็น

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

คลิป ประโยชน์จาก E-learning (ต่างชาติ)
http://www.youtube.com/watch?v=_OLpzyHTiF8&feature=related

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ประโยชน์ของ e-Learning
* ยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเนื้อหา และ สะดวกในการเรียน
การเรียนการสอนผ่านระบบ e-Learning นั้นง่ายต่อการแก้ไขเนื้อหา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะสามารถกระทำได้ตามใจของผู้้สอน เนื่องจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้ผู้เรียนก็สามารถเรียนโดยไม่จำกัดเวลา และสถานที่
* เข้าถึงได้ง่าย
ผู้เรียน และผู้สอนสามารถเข้าถึง e-learning ได้ง่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรียน อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดที่เหมาะกับสื่อการเรียนการสอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และในปัจจุบันนี้ การเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกระทำได้ง่ายขึ้นมาก และยังมีค่าเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มีราคาต่ำลงมากว่าแต่ก่อนอีกด้วย
* ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยกระทำได้ง่าย
เนื่องจากผู้สอน หรือผู้สร้างสรรค์งาน e-Learning จะสามารถเข้าถึง server ได้จากที่ใดก็ได้ การแก้ไขข้อมูล และการปรับปรุงข้อมูล จึงทำได้ทันเวลาด้วยความรวดเร็ว
* ประหยัดเวลา และค่าเดินทาง
ผู้เรียนสามารถเรียนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ โดยจำเป็นต้องไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประจำก็ได้ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลามาก การเรียน การสอน หรือการฝึกอบรมด้วยระบบ e-Learning นี้ จะสามารถประหยัดเวลาถึง 50% ของเวลาที่ใช้ครูสอน หรืออบรม

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

จริงๆๆ การเรียนแบบ e-learning กับการเรียนการสอน ระบบ 3G นี้มันคล้ายๆ กัน นะ เพราะ มีภาพ และ มีเสียง
เหมืนกัน

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

มาเลย์เซียเขาจะเริ่ม 4G เดือนหน้าแล้ว ทำไมเมืองไทย 3G ยังไม่เห็นเลย เพราะว่ามันมีประโยชน์นะ 3G แค่เรามีโทรศัพท์มือถือ(ถ้า 3G ใช้ได้ครอบคลุมทั่วประเทศนะ) มันจะไม่ใช่เฉพาะอีเลิร์นนิิ่่่ง มันจะครอบคลุมไปทุกอย่าง ทั้งการเรียน ธุรกิจ การเงิน การธนาคาร ด้วยความเร็วขั้นต่ำของ 3G ที่ 7.2 Mb ซึ่งก็เร็วกว่าอินเตอร์เน็ตไฮสปีดที่เราใช้กันทุกวันที่ 6 Mb ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทยแค่คุณมีหมายเลขและเครื่องโทรศัพท์มือถือคุณก็สามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างในโลกได้แล้ว(world wide web)

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

e-Learning ที่มุ่งลูกค้า
แนวคิดของการบริหารคนยุคดอทคอมที่ต้องการให้เป็น “ผู้คุมเกมกลยุทธ” (Strategic Player) เมื่อนำเข้ามาสู่รูปแบบของการฝึกอบรมและพัฒนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโมเดลของ e-Learning ที่อาจจะเป้นรูปแบบใหม่ที่ผู้บริหาร HR หรือหน่วยงาน HRD ยังไม่มีความคุ้นเคยมากนัก นอกจากจะเพียง “ได้ยิน” หรือทดลองใช้สิ่งที่เวบไซท์ต่างๆ เสนอ “ตัวอย่าง” (Demo) ให้ทดสอบว่าสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่เห็นหรือไม่

หากต้องการให้ e-learning ถูกดำเนินการขึ้นในลักษณะที่ “มุ่งลูกค้า” (Customer-Focysed) หรือ e-learning ที่มุ่งลูกค้า (CFEL: Customer-Focused E-Learning) ดังนั้น โมเดลของ e-learning จึงต้องปรับให้ฝ่าย HR หรือหน่วยงาน HRD เปลี่ยนบทบาทจากงานสนับสนุนกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาด หรืออาจจะเป็น “ศูนย์กำไร” (Profit Center)
สำหรับการใช้โมเดล CFEL หรือ โมเดล e-learning ที่มุ่งลูกค้าเพื่อวิเคราะห์หาความจำเป็นในการฝึกอบรมและพัฒนา และนำไปสู่การจัดทำแผนฝึกอบรมประจำปีที่มีประสิทธิภาพนั้น สามารถพิจารณาได้จากโมเดลต่อไปนี้

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

การนำ e-learning มาช่วย วิเคราะห์หาความจำเป็นในการฝึกอบรมและพัฒนา รวมถึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งจากโมเดลข้างต้นจะพบว่า
(1) สิ่งที่เป็นปัญหาของธุรกิจในยุค e-Business จะมีอยู่หลายๆ อย่างด้วยกัน อาทิ การเพิ่มขึ้นของ “จิตใจร่วมกัน” ในการแข่งขัน การเพิ่มขึ้นของความซับซ้อนต่อการเสนอสิ่งที่ขาดไปของผู้บริโภค ความต้องการต่อโมเดลธุรกิจที่มีขนาดไม่จำกัด ความไม่พอใจของผู้บริการต่อรูปลักษณะที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้
ความกดดันสำหรับการเพิ่มรายได้และไม่มีความหลากหลายในประสบการณ์ของการซื้อ
(2) สิ่งที่เป็นความจำเป็น (Needs) เพื่อที่จะใช้ e-learning ความจำเป็นในที่นี้จะเห็นตามโมเดลว่า
แตกต่างไปจากวิธีการสำรวจความจำเป็นในการฝึกอบรมแบบเดิม อาทิ
-ความคิดของผู้นำที่สื่อออกทั้งองค์กร
-การเอาชนะความกลัวต่อเทคโนโลยี
-การลดค่าใช้จ่ายของช่วงการเปลี่ยนแปลง
-การเรียนรู้แบบ JIT (Just In Time)
-การเสนอการฝึกอบรมที่ไม่ใช่เป็นการอบรมของบริษัท
-เกาะติดเวบไซท์
(3) เครื่องมือสำคัญ ที่จะแก้ไขความจำเป็นให้หมดไปก็โดยการนำ e-learning มาใช้
สิ่งสำคัญต่อการพิจารณา e-learningที่มุ่งลูกค้า

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

การเรียนการสอนก็เหมือนกับธุรกิจทั่วไปที่ต้องปรับตัวให้ทันกับการแข่งขัน ปัจจุบันมีแหล่งความรู้เกิดขึ้นมากมาย มีสิ่งที่จะต้องเรียนต้องสอนมหาศาล ทำอย่างไรจึงจะลงทุนทางด้านการศึกษาน้อยแต่ได้ผลตอบแทนสูง การเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพการเรียนรู้จะทำได้อย่างไร การเรียนรู้สมัยใหม่ต้องใช้เวลาน้อย เรียนรู้ได้เร็ว มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่าง ๆ ร่วมกัน รวมถึงการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันด้วย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันตอบสนองต่อการประยุกต์เข้ากับการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี
ทำไมต้อง eLearning

จากการคาดคะเนที่กล่าวไว้ในหนังสือ Packet ฉบับที่ 3 vol 12 ปี ค.ศ. 2000 ที่จัดพิมพ์โดยบริษัท ซิสโก ได้เน้นให้เห็นว่า การลงทุนทางด้านไอที ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับไอทีของบริษัท และองค์กรต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา เพิ่มจากสัดส่วน 5 เปอร์เซ็นต์ ในปี 1970 มาเป็นประมาณเกือบ 30 เปอร์เซนต์ ในปี 1990 และในปี ค.ศ. 2000 นี้ ค่าใช้จ่ายทางด้านไอทีเพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซนต์ และความต้องการกำลังคนทางด้านนักคอมพิวเตอร์ของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในขณะนี้มีตำแหน่งงานทางด้านไอทีว่างอยู่ถึงกว่า 350,000 ตำแหน่ง และจะเพิ่มเป็น 1.3 ล้านตำแหน่งที่ต้องการในปี 2006 นั่นหมายถึงการผลิตกำลังคน การเรียนการสอนต้องได้พัฒนาและสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพได้มากขึ้นและเร็วขึ้น

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

eLearning เป็นหนทางหนึ่งของการพัฒนากำลังคน ด้านการสร้างการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนอะไรก็ได้ เรียนเวลาใดก็ได้ตามความเหมาะสม นิสิตนักศึกษาจะพอใจกับการเรียนรู้ที่มีความอิสระและคล่องตัว ระบบ eLearning จะทำให้ลดเวลาการเรียนรู้ได้มากกว่า 50 เปอร์เซนต์ และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าระบบการสอนและฝึกอบรมแบบเดิมถึง 30-60 เปอร์เซนต์
อย่างไรก็ดี การใช้ eLearning ยังอยู่ในยุคเริ่มต้น แต่จากการคาดคะเนพบว่า การประยุกต์ใช้ eLearning ในองค์กรบริษัทต่าง ๆ ที่จะทำในเรื่องของการฝึกอบรมพนักงาน มีความต้องการสูงขึ้นมาก โดยมีสภาพการขยายตัวมากกว่าสองเท่าทุก ๆ ปี โดยเฉพาะการเรียนการสอนผ่านทางอินเทอร์เน็ตจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

คอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีลักษณะการเรียนที่เป็นขั้นเป็นตอน ดังนี้
1.ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
2.ขั้นการเสนอเนื้อหา
3.ขั้นคำถามและคำตอบ
4.ขั้นการตรวจคำตอบ
5.ขั้นของการปิดบทเรียน
ลักษณะของการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ดี มีดังนี้
1. สร้างขึ้นตามจุดประสงค์ของการสอน
2. เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน
3. มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนให้มากที่สุด
4. มีลักษณะเป็นการสอนรายบุคคล
5. คำนึงถึงความสนใจของผู้เรียน
6. สร้างความรู้สึกในทางบวกกับผู้เรียน
7. จัดทำบทเรียนให้สามารถแสดงผลย้อนกลับไปยังผู้เรียนให้มาก ๆ
8. เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางการเรียนการสอน
9. มีวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้เรียนอย่างเหมาะสม
10.ใช้สมรรถนะของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างเต็มที่ และหลีกเลี่ยงข้อจำกัดบางอย่างของเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่บนพื้นฐานของการออกแบบการสอนคล้ายกับการผลิตสื่อชนิดอื่น ๆควรมีการประเมินผลทุกแง่ทุกมุม

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ข้อดีและข้อเสียของ E-learning
ข้อดี
เอื้ออำนวยให้กับการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ รวมทั้งบุคคล
ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องการเรียนและสอนในเวลาเดียวกัน
ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องมาพบกันในห้องเรียน
ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และผู้สอนที่ไม่พร้อมด้านเวลา ระยะทางในการเรียนได้เป็นอย่างดี
ผู้เรียนที่ไม่มีความมั่นใจ กลัวการตอบคำถาม ตั้งคำถาม ตั้งประเด็นการเรียนรู้ในห้องเรียน มีความกล้ามากกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องแสดงตนต่อหน้าผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้น โดยอาศัยเครื่องมือ เช่น E-Mail, Webboard, Chat, Newsgroup แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ
ข้อเสีย
ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึก ปฏิกิริยาที่แท้จริงของผู้เรียนและผู้สอน
ไม่สามารถสื่อความรู้สึก อารมณ์ในการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง
ผู้เรียน และผู้สอน จะต้องมีความพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ทั้งด้านอุปกรณ์ ทักษะการใช้งาน
ผู้เรียนบางคน ไม่สามารถศึกษาด้วยตนเองได้

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ขอแสดงต่อจากคุณ ปิติภัทร์ โพธิจักร
CAI คือ โปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่มีหน้าที่เป็นสื่อการเรียนการสอน
เหมือนแผ่นใส (Transparent) สไลด์ (Slide) หรือวีดีทัศน์ (Video) ที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน
เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายในเวลาอันจำกัด และตรงตามวัตถุประสงค์ของบทเรียนนั้น ๆ แต่เนื่องจาก
โปรแกรมเรียนคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ได้ครบทุกสื่อในเวลาเดียวและควบคุมการนำเสนอได้ด้วยตัว
เอง เรียกว่า “ สื่ออเนกทัศน์” หรือ “ มัลติมีเดีย” (Multimedia) ทำให้ประหยัดและมีประสิทธิภาพ
สรุปได้ว่า CAI คือ
- เป็นสื่อการเรียนการสอน ช่วยครูทำการสอน
- เนื้อหาในโปรแกรมจะเป็นหน่วย ๆ ตามบทเรียนนั้น ๆ
- นักเรียนสามารถนำไปทบทวนเนื้อหา ศึกษาด้วยตนเอง
- ครูผู้สอน หรือผู้มีประสบการณ์ในเนื้อหาวิชานั้น ๆ จะทำได้ดีที่สุด
การจัดทำ CAI ที่ดีนั้น ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ
1. นักวิชาการ (Academic Expert)
2. นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Programmer)
3. นักสร้างสรรค์ (Producer)
4. นักศิลปะ (Artist)
ฉะนั้น CAI ก็คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยครูสอน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำ
หน้าที่แทนครูได้ทั้งหมด โดยที่ครูไม่ต้องทำอะไรเลย ครูยังจำเป็นที่ต้องคอยแนะนำและเตรียมเนื้อ
หา เพี่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ในเนื้อหานั้น ๆ ในเวลาจำกัด จึงกล่าวได้ว่า “ครูผู้สอน
จะเป็นผู้ที่ทำ CAI ได้ดีที่สุด”

สุขทวี พรมดอนก่อ กล่าวว่า...

ข่าวการศึกษาท่เกี่ยวกับระบบe-Learning
"ชินวรณ์"เดินพัฒนาคุณภาพการเรียนผ่านe-Learning

ศธ. เดินพัฒนาคุณภาพการเรียนผ่าน e-Learning ชูคอนเซ็ปต์เรียนรู้ได้ทุกที่-ทุกเวลา-ทุกคน เตรียมรับมอบเงินพัฒนากองทุนเทคโนฯจาก กทช. เร็ว ๆ นี้

เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2553 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวในการเป็นประธานแถลงข่าวโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาผ่านระบบสารสนเทศ (e-Learning) ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประกาศนโยบายการพัฒนาการศึกษาอย่างมีคุณภาพภายใต้การปฏิรูปการศึกษา ทศวรรษที่ 2 ซึ่งหมายถึงการพัฒนาทั้งคุณภาพผู้เรียน สถานศึกษา ครูและการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ที่สำคัญเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ (e-Learning) ก็เป็นเรื่องที่ตนมอบเป็นนโยบายนับแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยเฉพาะในจุดเน้น 6 เดือน 6 คุณภาพที่ ศธ.ได้ประกาศไปนั้น เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศก็เป็นหนึ่งใน 6 คุณภาพ โครงการการดังกล่าวนี้ จะเป็นก้าวหนึ่งของการพัฒนาทั้งครูผู้สอน นักเรียนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ภายใต้คอนเซปต์ “เรียนรู้ได้ทุกที่-ทุกเวลา-ทุกคน”

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

1. หลักออกแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 1.1 การออกแบบสิ่งเร้าหรือเนื้อหาที่จะสอน (design of the stimulus) นักเรียนสามารถเห็นข้อมูลได้บนจอภาพ โดยหลักการแล้วจะไม่นำหลักการรับรู้มาใช้มาก แต่เน้นวิธีแสดงข้อมูล ซึ่งจะทำให้นักเรียนสามารถเข้าใจและจำได้ ส่วนขั้นตอนการเสนอข้อมูลนั้นต้องเข้าใจง่าย คำถามนั้นต้องออกแบบเป็นรูปกิจกรรม เป็นส่วนที่นักเรียนได้มีการโต้ตอบหรือเร้าเหมือนกับการฟังและการเห็น .....

1. หลักออกแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.1 การออกแบบสิ่งเร้าหรือเนื้อหาที่จะสอน (design of the stimulus) นักเรียนสามารถเห็นข้อมูลได้บนจอภาพ โดยหลักการแล้วจะไม่นำหลักการรับรู้มาใช้มาก แต่เน้นวิธีแสดงข้อมูล ซึ่งจะทำให้นักเรียนสามารถเข้าใจและจำได้ ส่วนขั้นตอนการเสนอข้อมูลนั้นต้องเข้าใจง่าย คำถามนั้นต้องออกแบบเป็นรูปกิจกรรม เป็นส่วนที่นักเรียนได้มีการโต้ตอบหรือเร้าเหมือนกับการฟังและการเห็น
1.1.1คำสั่งแต่ละกิจกรรมต้องชัดเจน
1.1.2 แสดงตัวอย่างของคำสั่งนั้น
1.1.3 บรรยายเนื้อหาในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ
1.1.4 แสดงแผนภูมิ หรือ เอาท์ไลน์ (outline) เพื่อให้เห็นว่าเนื้อหานั้น มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับรายวิชาอย่างไร
1.1.5บรรยายข้อมูลในรูปแบบของการเปรียบเทียบ
1.1.6 อุปมาอุปมัยเนื้อหากับเรื่องที่นักเรียนเคยรู้จัก
1.1.7 ตั้งคำถามให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
1.1.8 มีคำถามก่อนบทเรียน ระหว่างบทเรียนแต่ละตอน และหลังบทเรียน
1.1.9 ใช้คำถามที่จับใจผู้อ่าน
1.1.10 ควรมีการทดสอบก่อนเริ่มบทเรียน
1.1.11ขณะตอบคำถามไม่ควรให้ผู้เรียนย้อนกลับไปดูคำบรรยายหรือคำตอบได้ แต่ควรจะให้คำอธิบายพร้อมการให้ข้อมูลย้อนกลับแทน
1.1.12 เมื่อจบกรอบเนื้อหา ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทบทวนเนื้อหาก่อนตอบคำถาม
1.1.13 มีการกระตุ้นให้ผู้เรียนตอบคำถาม
1.1.14 การเสนอเนื้อหา ตัวอักษรจะต้องไม่กระพริบ
1.1.15ใช้สี การขีดเส้นใต้ ตีกรอบ ใช้ลูกศร เ การเคลื่อนไหว เพื่อเน้นความสนใจของผู้เรียน
1.1.16วิธีการเน้นในเนื้อหาไม่ควรเกิน 3 อย่างใน 1 บทเรียน
1.1.17 ควรอธิบายสิ่งที่นักเรียนต้องทำในตอนต้นของบทเรียน
1.1.18 ออกแบบบทเรียนให้ผู้เรียนสามารถเลือกระดับความยากง่ายได้
1.1.19ใช้คำถามที่สอดคล้องความรู้พื้นฐาน ประสบการณ์ และความสนใจของผู้เรียน

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

1.2 การตอบสนองของผู้เรียน ผู้เรียนต้องมีความรู้ในคำสั่งต่างๆที่ใช้ควบคุมบทเรียนอยู่ รวมทั้งมีความรู้เกี่ยวกับคำสั่งพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญที่สุด คือการป้อน
1.2.1 ไม่จำเป็นต้องให้ผู้เรียนตอบสนองแบบเปิดเผย
1.2.2 ใช้ศิลปะในการตั้งคำถามหรือคำสั่งในการทบทวน เพื่อกระตุ้นให้มีการตอบสนองโดยไม่ต้องเปิดเผย
1.2.3 เมื่อต้องการประเมินผล หรือให้ ฟีดแบค (feedback) ควรใช้การตอบสนองแบบเปิดเผย
1.2.4 ให้ผู้เรียนประเมินระดับความเข้าใจของตนเองในแต่ละเนื้อหา
1.2.5 ผู้เรียนในระดับเด็กเล็กควรให้ตอบโดยกดแป้นคีย์เพียง 1-2 คีย์ แต่ผู้เรียนในระดับสูง ที่ต้องใช้ความคิดมากๆควรใช้แป้นคีย์มากกว่า 1 คีย์
1.2.6 ผู้เรียนในระดับสูงถ้าให้ผู้เรียนพิมพ์คำตอบเอง ต้องเขียนโปรแกรมให้สามารถรับคำตอบ ซึ่งบางครั้งอาจมีการสะกดผิด และคำตอบที่ไม่คาดคิดมาก่อน
1.2.7 นอกจากการประเมินโดยใช้คอมพิวเตอร์ อาจให้มีการประเมินผลโดยเพื่อนนักเรียนด้วยกัน หรือครู โดยใช้สมุดแบบฝึกหัด
1.3 การให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback)
1.3.1 การให้ฟีดแบคตอนไหนนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ถ้าเป็นบทเรียนเกี่ยวกับความจำควรให้ฟีดแบคทุกครั้ง แต่ถ้าเป็นการเรียนระดับสูงหรือเป็นนามธรรมควรให้ฟีดแบค (feedback) ตอนท้ายของบทเรียน
1.3.2 ต้องให้ฟีดแบคทันทีทันใดหลังจากผู้เรียนตอบคำถาม
1.3.3 หลีกเลี่ยงฟีดแบคชนิดถูก/ผิด เพราะเป็นเพียงการยืนยันคำตอบ
1.3.4 เมื่อนักเรียนตอบถูก ต้องฟีดแบคให้ทราบว่าคำตอบนั้นถูกและทำไมจึงถูก และฟีดแบคเมื่อนักเรียนตอบผิดว่าคำตอบนั้นผิด ทำไมจึงผิด และคำตอบที่ถูกคืออะไร
1.3.5 เมื่อนักเรียนตอบคำถามผิด ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนตอบคำถามเดิมอีกครั้ง ถ้าผู้เรียนยังตอบผิดอีก ก็บอกคำตอบที่ถูกต้องและอธิบายว่าทำไมจึงถูก
1.3.6 ควรจัดฟีดแบคแตกต่างกันตามระดับการเรียนของผู้เรียนโดยผู้เรียนที่เรียนอ่อน ควรให้ฟีดแบคแบบที่มีการอธิบายเพิ่มเติม และมีการช่วยเหลือหรือกระตุ้น
1.3.7 การให้ฟีดแบคที่ดี ไม่ควรให้ซ้ำๆ เหมือนๆกัน หรือให้เป็นแบบแผนตายตัวหรือซ้ำๆกัน แต่ควรจะเปลี่ยนให้แตกต่างกันออกไป
1.3.8 ควรให้ฟีดแบคที่มีลักษณะเป็นการเสริมสร้าง คือ มีทั้งข้อมูลและความน่าสนใจ มากกว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือการติชมอย่างง่ายๆ

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

1.4 การควบคุม
1.4.1 ควรมีการทดสอบก่อนเรียน (pretest) และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนที่ได้คะแนนสูงสามารถเลือกวิธีเรียนและระดับความยาก ง่ายของบทเรียนได้ แต่นักเรียนที่ได้คะแนนต่ำควรให้เรียนไปตามลำดับขั้นตอนของบทเรียน
1.4.2 ควรให้คำแนะนำกับผู้เรียนเกี่ยวกับตัวเลือกในการควบคุมบทเรียนก่อนการเรียน
1.4.3 จัดระดับความยากง่ายของคำถามให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และผู้เรียนที่เป็น กลุ่มเป้าหมาย โดยเรียงคำถามจากง่ายไปหายาก และคำนึงถึงชนิดของเนื้อหาและความสัมพันธ์ของเนื้อหาด้วย
1.4.4 ควรมีตัวอย่างคำถามและคำตอบในบทเรียน และไม่ควรให้ผู้เรียนข้ามกรอบตัวอย่าง
1.4.5 เปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถเลือกจำนวนคำถามตามความต้องการได้ และหลังจากตอบคำถามแบบฝึกหัดแต่ละข้อแล้ว ผู้เรียนสามารถเลือกที่จะทำแบบฝึกหัดข้อต่อไป หรือเลือกที่จะเรียนเรื่องต่อไป
1.4.6 นักเรียนสามารถเลิกหรือเริ่มบทเรียนได้ทุกขณะ เช่น ในขณะที่กำลังทำแบบฝึกหัด นักเรียนสามารถหยุดและกลับไปยังบทเรียนได้
1.4.7 หลังจบบทเรียนแล้ว ควรแสดงคะแนนความก้าวหน้าของผู้เรียน
2. กระบวนการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประกอบด้วยภาระกิจหลัก 3 ประการ
2.1 การออกแบบการเรียนการสอน (instructional design) มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนา CAI เนื่องจากบทเรียน CAI นั้นแตกต่างจากบทเรียนจากสื่อดั้งเดิม เช่น ตำรา หรือบทเรียนสำเร็จรูป ชุดการสอน และการสอนในห้องเรียนตามปกติ ดังนั้น การออกแบบการเรียนการสอนย่อมต้องแตกต่างกันด้วย
2.2 ความเชี่ยวชาญในเนื้อหา ( content expertise ) มีความสำคัญทั้งในด้านความถูกต้อง และความลึกซึ้งในเนื้อหาของบทเรียน และช่วยให้สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จัดความสัมพันธ์ของเนื้อหา หาตัวอย่าง คำอธิบาย หรือกลเม็ดต่างๆในการเรียนการสอน ถ้าผู้พัฒนาขาดความเชี่ยวชาญในเนื้อหา ก็จะไม่สามารถทำให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการหนึ่งเพื่อแก้ปัญหา คือ ถ้าผู้พัฒนาโปรแกรมไม่มีความรู้ในเนื้อหานั้นๆก็ต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วม ด้วย การร่วมดังกล่าวนี้จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง และลึกซึ้ง
2.3 การเขียนโปรแกรม ( programming ) เป็นภาระกิจสุดท้ายของกระบวนการพัฒนา CAI การเขียนโปรแกรม ขณะนี้จะมีลักษณะการปฏิบัติอยู่ 2 ลักษณะ คือ
2.3.1 เขียนบทเรียนด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ( programming language)
2.3.2 ใช้โปรแกรมช่วยเขียนบทเรียน ( authoring program )

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ฟูจิสึใช้ E-Learning สู้วิกฤตเศรษฐกิจ

Asia Biz Tech - บริษัทฟูจิสึเอฟไอพี (Fujitsu FIP Corp.) แถลง บริษัทจะใช้ “Inter Wise Millennium” ซึงเป็นระบบอี-เลิร์นนิ่ง (E-Learning) แบบเรียลไทม์ ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่วิศวกรระบบของบริษัท ระบบดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัทอินเตอร์ไวส์ (Inter Wise Inc.) ประเทศอิสราเอล

ระบบการเรียนการสอนผ่านอินเทร์เน็ตเป็นระบบที่อำนวยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลใน

เว็บไซต์ได้มากกว่า 1 คน พร้อม ๆ กัน โดยผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีของพวกเขารวมทั้งสามารถติดต่อกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ในคลาสเดียวกันได้อีกด้วย

บริษัทฟูจิสึเอฟไอพีได้เปิดหลักสูตรทดลองเป็นจำนวน 3 หลักสูตรมาตั้งแต่เอนกรกฎาคม และในปัจจุบันบริษัทได้ตัดสินใจเพิ่มจำนวนหลักสูตรขึ้นอีกรวมเป็นทั้งหมด 17 หลักสูตร จากการเพิ่มจำนวนหลักสูตรขึ้นทำให้ระบบนี้กลายเป็นหนึ่งในระบบฝึกอบรมภายในที่ใหญ่ที่สุดซึ่งใช้อยู่ภายในบริษัทเดียวกัน ตามคำแถลงของบริษัทฟูจิสึเอฟไอพี

ระบบอี-เลิร์นนิ่งจะถูกบรรจุไว้ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ภายในบริษัท ทั้งผู้เรียนและผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบได้พร้อม ๆ กันจากเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีของแต่ละคนผ่านทางระบบอินทราเน็ต พวกเขาสามารถพูดคุยกับอีกคนหนึ่งในคลาสเดียวกันได้ด้วยเทคโนโลยี Volp นอกจากนั้นยังสามารถถ่ายทอดสัญญาณภาพแบบเรียลไทม์ได้ ซึ่งทั้งหมดทำให้ผู้เข้าฝึกอบรมรู้สึกเหมือนกับเขาได้เข้าอยู่ในห้องฝึกอบรมจริง ๆ

บริษัทฟูจิสึยังมีแผนให้พนักงานทุก ๆ คนเข้าฝึกอบรมเบื้องต้นผ่านทางระบบนี้ และสำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมก็สามารถทำได้โดยผ่านทางระบบนี้เช่นกัน บริษัทคาดว่าจะมีผู้ใช้ระบบเพิ่มขึ้นอีก 15% ในขณะเดียวกันก็สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้อีกกว่า 10 ล้านเยน สำหรับการศึกษาต่อคนต่อปี

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนใช้ระบบดังกล่าวสำหรับการประชุมและการพรีเซ็นเตชั่น ทั้งภายในและภายนอกบริษัทอีกด้วย เพื่อเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางและค่าสถานที่

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

รามคำแหง VS มสธ. เปิดศึกหลักสูตรไฮเทค ชิงลูกศิษย์การศึกษาทางไกล เตรียมป้อนหลักสูตรปริญญาตรีเรียนทางอินเตอร์เน็ต รามคำแหงประกาศก่อนสิ้นปีนี้นิติศาสตร์กับรัฐศาสตร์เริ่มได้แน่นอน ด้าน มสธ.เน้นโปรแกรมสมบูรณ์แบบ ประมวลผลบนอินเตอร์เน็ตรับเกรดได้ทันที

ผศ.ดร.ทิพา พร พิมพิสุทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่าโครงการจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความ เร็วสูงของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ได้มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งความรู้นั้น จะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ปลายเดือน กันยายนเป็นต้นไป โดยเบื้องต้นโครงการจะเน้นเผยแพร่การเรียนการสอนผ่านชุมชนและองค์การบริหาร ส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งปัจจุบันเกือบทุกแห่งมีคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว เพียงแต่ติดจานดาวเทียมเพื่อรับสัญญาณโปรแกรมการเรียนการสอนจากรามคำแหงก็จะ สามารถเข้าถึงห้องเรียน ที่ทำการเรียนการสอนจริงได้ทันทีด้วยระบบถ่ายทอดสด

ทั้ง นี้ โปรแกรมดังกล่าวจะให้ความรู้ทั้งในส่วนที่ส่งเสริมภูมิปัญญาระดับท้องถิ่น ซึ่งมหาวิทยาลัยจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เผยแพร่ความรู้ที่เหมาะสมกับชุมชน และอบต.ทั่วประเทศ อีกส่วนคือการเผยแพร่ความรู้ตามการสอนในระบบซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดจากห้อง เรียนที่มีการเรียนการสอนจริงที่มหาวิทยาลัยส่งสัญญาณสดจากห้องเรียนผ่านดาว เทียมไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักศึกษา

“สำหรับหลักสูตรที่จะเริ่มให้บริการสอนผ่านอินเตอร์เน็ตก่อนเป็นหลักสูตรแรกคือปริญญาตรีนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ก่อนสิ้นปี นักศึกษาจะต้องลงทะเบียนจ่ายค่าหน่วยกิตและมาสอบวัดผลตามปกติ แต่เรียนผ่านอินเตอร์เน็ตได้โดยนอกจากจะต้องมีคอมพิวเตอร์แล้วยังต้องติดตั้งจานดาวเทียมรับสัญญาณของมหาวิทยาลัย ซึ่งคาดว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 16,000 บาทสำหรับการติดตั้ง และนักศึกษาสามารถโต้ตอบกับอาจารย์ผู้สอนได้ด้วย”

ผศ.ดร.ทิพา พรกล่าวว่า โปรแกรมดังกล่าวจะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อเมื่อนักศึกษาต้องการปริญญาเท่านั้น ปกติจะเป็นการบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากการติดตั้งจานดาวเทียมเท่านั้น ใครก็สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ โดยนอกเหนือจากการถ่ายทอดสดผ่านสัญญาณดาวเทียมแล้ว ยังประกอบด้วยความรู้ที่จัดเก็บไว้ในคลังข้อมูล (SERVER) ในรูปแบบของ Course on demand โดยนักศึกษาสามารถเรียกข้อมูลมาศึกษาได้ทุกเวลาที่ต้องการ ด้าน ผศ.ดร.โสฬศา สาตพร กรรมการโครงการการเรียนการสอนแบบปฏิบัติสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) กล่าวว่าในส่วนของ มสธ.นั้นได้เริ่มโครงการการเรียนการสอนผ่านอินเตอร์เน็ตไปเมื่อ2 เดือนที่ผ่านมา แต่เริ่มต้นเพียงรายวิชาเดียวก่อนคือ วิชาภาษาอังกฤษสำหรับเจ้าหน้าที่สำนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเรียนผ่านอินเตอร์เน็ตประมาณ 200 คนแล้ว เป็นทั้งนักศึกษาและบุคคลทั่วไป โดยสำหรับบุคคลทั่วไปนั้นเมื่อเรียนจบวิชานี้ก็จะได้สัมฤทธิบัตรเป็นใบ รับรองการจบให้ด้วยส่วนหลักสูตรการเรียนผ่านอินเตอร์เน็ตซึ่งสมบูรณ์ระดับ ปริญญาตรีนั้น ตามแผนจะเริ่มในปี 2546

ผศ.ดร.โสฬศา กล่าวว่า โปรแกรมที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นโปรแกรมการเรียนการสอนทางอินเตอร์เน็ตที่สมบูรณ์แบบ ซึ่ง มสธ.ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นักศึกษาสามารถสอบถามปัญหาข้อข้องใจในการเรียนผ่านห้องสนทนา (Chat room) กับอาจารย์ได้ตามเวลาที่ได้มีการนัดแนะกันไว้ รวมทั้งสามารถถกข้อข้องใจกับนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนด้วยกันได้ผ่านทางห้องสนทนานอกจากนั้น ยังมีระบบวัดผลทันทีเมื่อทำข้อสอบเสร็จ นักศึกษาจะรู้ได้เลยว่าสอบผ่านหรือไม่ผ่าน ได้รับเกรดเท่าใด เพราะโปรแกรมมีระบบประมวลผลทันที ไม่ต้องผ่านการตรวจของอาจารย์เพราะมีการป้อนข้อมูลเฉลยข้อสอบลงไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนเท่านั้นจึงจะได้รับรหัสผ่าน (Password) เข้าไปอ่านเอกสารการสอน ถามอาจารย์ หรือทำข้อสอบได้

“ในฐานะที่ มสธ.เป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่ส่งเสริมการศึกษาทางไกล ดังนั้น หลักสูตรการเรียนการสอนผ่านอินเตอร์เน็ตจึงเป็นเป้าหมายที่ มสธ.จะต้องดำเนินการอย่างแน่นอน โดยตามแผนปีหน้า มสธ.จะจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรือ e-book สำหรับทุกหลักสูตรวิชา บรรจุลงในอินเตอร์เน็ตเพื่อให้นักศึกษาเปิดอ่านได้สะดวก จากเดิมที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายพิมพ์หนังสือสื่อการเรียนการสอนจำนวนมากและจัดส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งหลักสูตรเรียนผ่านอินเตอร์เน็ตจะเป็นทางเลือกสำหรับนักศึกษาจำนวนหนึ่งได้ และในปี 2546 นี้คงจะสามารถเปิดหลักสูตรปริญญาตรีทางอินเตอร์เน็ตได้สมบูรณ์ต่อไป

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

- ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฏิสัมพันธ์ก็ได้

- พัฒนาการของ e-Learning 1) ยุคคอมพิวเตอร์ช่วยสอนและฝึกอบรม (Instructor Led Training Era) เป็นยุคที่อยู่ในช่วงเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ในวงการศึกษา จนถึงปี ค.ศ. 1983 2) ยุคมัลติมีเดีย (Multimedia Era) อยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1984 - 1993 ตรงกับช่วงที่มีการใช้ Microsoft Windows 3.1 อย่างกว้างขวาง มีการใช้ซีดีรอมในการเก็บบันทึกข้อมูล มีการใช้โปรแกรม PowerPoint สร้างสื่อนำเสนอ 3) ยุคเว็บเริ่มต้น (Web Infancy) อยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1994 - 1999 มีการนำเทคโนโลยีเว็บเข้ามาเป็นบริการหนึ่งของอินเทอร์เน็ต มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเว็บสร้างบทเรียนช่วยสอน ฝึกอบรม เทคโนโลยีมัลติมีเดียบนเว็บ 4) ยุคเว็บใหม่ (Next Generation Web) เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นไป มีการนำสื่อข้อมูล เครื่องมือต่างๆ มาประยุกต์สร้างบทเรียน เป็นการก้าวสู่ระบบ e-Learning อย่างแท้จริง

- องค์ประกอบของ e-Learning 1. เนื้อหาของบทเรียน 2. ระบบบริหารการเรียน (LMS : e-Learning Management System) 3. การติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทาง แบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้ 1) real-time ได้แก่ Chat, Conferencing เป็นต้น 2) non real-time ได้แก่ Web-board, e-mail เป็นต้น 4. การสอบ/วัดผลการเรียน

- คุณลักษณะของ e-Learning 1. Anywhere, Anytime and Anybody 2. Multimedia 3. Non-Linear 4. Interactive

- ระดับเนื้อหาของ e-Learning 1. ระดับเน้นข้อความออนไลน์ (Text Online) 2. ระดับรายวิชาออนไลน์ เชิงโต้ตอบและประหยัด (Low Cost Interactive Online Course) 3. ระดับรายวิชาออนไลน์คุณภาพสูง (Hight Quality Online Course ) แอนิเมชั่น (animation experts) มีการใช้เครื่องมือเพิ่มเติมในการผลิต และเรียกดูเนื้อหาด้วย

- การนำ e-Learning ไปใช้ 1. สื่อเสริม (Supplementary)2. สื่อเพิ่มเติม (Complementary)3. สื่อหลัก (Comprehensive)

- ข้อได้เปรียบของ e-Learning ช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีสื่อหลายมิติ (Hypermedia) ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามจังหวะของตน ผู้เรียนสามารถควบคุม เอื้อให้การโต้ตอบ (interaction) ที่หลากหลาย ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และมีจัดการเรียนรู้ในวงกว้างขึ้น

- ข้อพึงระวังของ e-Learning ผู้สอนที่นำ e-Learning ต้องออกแบบให้จูงใจผู้เรียน การลงทุนต้องครอบคลุมถึงการจัดการให้ผู้สอนและผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหา หรือการติดต่อสื่อสารออนไลน์ได้สะดวก (facilities) เหมาะสม กับผู้เรียน ตามหลักจิตวิทยาการศึกษา รวมทั้งการนำเสนอเนื้อหาในลักษณะnon-linear

- ผลิตภัณฑ์ของ e-Learning ได้แก่ e-Book , e-Library , Virtual Lab ในรูปแบบของ simulation

Video โดยกระจายสัญญาณภาพแบบ streaming , Virtual Classroom และ Web based Instruction

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

การจัดการเรียนการสอนในยุคสมัยนี้ E-learning เข้ามามีบทบาทในการจัดการเรียนการสอนต่อนักเรียนมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือระดับอุดมศึกษา เนื่องจากนักเรียน นักศึกษามีความสนใจในการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น และลักษณะการออกแบบการเรียนรู้ของ E-learning แต่ละประเภทก็มีความน่าสนใจมากขึ้น
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ครูก็ยังมีความสำคัญมากอยู่ดี การจัดการเรียนการสอนก็ยังขาดครูไม่ได้ เพราะครูนอกจากสอนความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังสอนในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมให้กับนักเรียน นักศึกษาด้วย ที่สำคัญเป็นแบบอย่างที่ดี Role Model ให้กับนักเรียน นักศึกษาด้วย E-learning เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่มาเติมเต็มในการเรียนการสอนให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ดังนั้นในการจัดการเรียนการสอนควรอาศัยทั้งครูและE-learning ควบคู่กันไป

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ในปัจจุบันความนิยมในการศึกษาแบบ e-learning นั้นเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะการศึกษาในลักษณะนี้สามารถตอบโจทย์ของผู้ที่จะเข้ารับการศึกษาได้หลายประการ เช่น นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา จึงทำให้สามารถทำลายกำแพงปัญหาในด้านเวลาและสถานที่ได้อย่างชัดเจน หรือแม้กระทั่ง สามารถช่วยนักเรียนที่นั่งหลับในห้องเรียน ให้สามารถทบทวนเก็บตกบทเรียนได้ในภายหลัง เป็นต้น ในส่วนของแวดวงการศึกษาในต่างประเทศ ในขณะนี้มีหลายประเทศที่กำลังพัฒนาระบบการศึกษาทางไกลทั้งในระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกด้วยวิธีผ่านทาง Internet และด้วยวิธีผสมผสาน โดยมีการเรียนในห้องเรียนที่น้อยลง แต่ผ่านทาง Internet มากขึ้น ที่เห็นชัดๆ ก็เช่น ในประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในประเทศสหรัฐอเมริกา หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ University of Phoenix, Capella University, Walden University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยออนไลน์ และกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในทุกๆสาขาวิชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาบริหารธุรกิจ อีกตัวอย่างของความนิยมของการศึกษาแบบนี้ เมื่อเร็วๆนี้ โดยนิตยสาร The Economist รายงานว่า หลักสูตร M.B.A. ดีที่สุดในโลก1 ตกเป็นของโรงเรียนธุรกิจ The Hough Graduate School of Business ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริดา (University of Florida) ซึ่งการเรียนการสอนเป็นรูปแบบทางไกลทั้งหมด ถือเป็นการสำรวจหลักสูตรการเรียนทางไกลครั้งแรก ซึ่งสำรวจโดย The Economist Intelligence Unit (EIU) โดยพิจารณาจากเนื้อหา คุณภาพนักศึกษาและวิธีการเรียนทางไกล ซึ่งมีคุณภาพมาตรฐานเดียวกับการเรียนการสอนในชั้นเรียนปกติ แต่นักศึกษาทุกคนต้องมาพักอยู่ที่มหาวิทยาลัย 1 สัปดาห์ทุกภาคเรียน เพื่อจะได้พบปะกับเพื่อนนักศึกษาและผู้สอน ทั้งนี้การศึกษาแบบออนไลน์นี้เริ่มมีมากขึ้นในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาเชื่อในการเปลี่ยนแปลงของโลกนั่นเอง

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

วันนี้ได้มีโอกาศได้คุยกับพี่ๆ จาก กทช.หรือที่เรียกกันว่า คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และมีโอกาศได้ดูคลิปๆ หนึ่งครับ
เกี่ยวกับระบบ 3G ช่วยในการศึกษา
สรุปเรื่องราวได้ใจความได้ว่า
เด็กๆที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเรียนผ่านทางTVได้และผู้สอนก็สามารถทำการสอนได้ทุกที่ โดยครูผู้สอนทำการสอนผ่านที่มือถือ เห็นได้ว่าการเรียนผ่านทางระบบ 3G นี้มันได้ประโยชน์ทั้งผู้เรียนและผู้สอนจริงๆนะครับ

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

การแสดงความคิดเห็นไม่น่าไปก๊อปปี้เนื้อหาจากเน็ตมาลง เพราะใครก็ทำได้ อาจารย์ให้ทำแบสัมนาก็ควรแค่ศึกษามาแล้วค่อยมาถ่ายทอดเป็นคำพูดของเรา
เพราะเนื้อหาเราสามรถค้นหากันเองได้

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

คุณสุขทวีแสดงความคิดเห็นได้ดีครับขอชม

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

พวกเราทุกคนคิดว่า3Gจำเป็นกับ ประเทศไทยในตอนนี้แค่ไหนครับ

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

บางที่ยังไม่มี ไฟฟ้าเลยครับคุณ ชยพล 555555

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ลักษณะของการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อหาสำหรับการเรียนการสอนผ่าน eLearning ประกอบด้วย
eBook การสร้างหนังสือหรือเอกสารในรูปแบบสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ประโยชน์กับระบบการเรียนการสอนบนเครือข่าย

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

พื้นที่ ที่ไม่มีไฟฟ้าเขาใช่เครื่องบั่นไฟบั่นไฟฟ้าใช้กันครับ
เช่นโรงเรียนบนดอยบนเขาบั่นไฟฟ้าให้นักเรียน
เรียนหนังสือผ่านดาวเทียม
ครับ

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

เพื่อนๆ ส่วนมากพูดถึงแต่ข้อดีของ e-Learning
ทั้งนั้เลย เราควรมองหาข้อบกพร่องหรืออุปสรรคของ
e-Learning ด้วยนะครับเพื่อประสิทธิภาพในการนำไปใช้ได้สมบูรณืที่สุดครับ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ต่อจากคุณศักรินทร์ เวียงสมุทร นะครับ ข้อเสียของ e-learning ก็คือการขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผูสอนกับนักเรียน เพราะนักเรียนจะอยู่ในโลกของ Cyberspace ตลอดเวลา ข้อดีคือคุณอยู่ที่ไหนเวลาไหนขอแค่มีอินเตอร์เน็ตคุณก็ทำตามบทเรียนและข้อสอบที่ให้มาผ่านคุณก็จบแล้ว แต่คุณจะขาดเรื่องการเข้าสังคมการใช้ชีวิตในห้องเรียนจริงๆ ที่มันมีมากกว่าแค่การเรียนแต่ละคาบสอน ยกตัวอย่าง แค่ครูผู้สอนเราแต่ละวิชาเราก็ยังไม่เคยได้พบตัวเป็นๆ เลย เพื่อนๆ ที่เข้ามาเรียนหลักสูตรหรือวิชาเีดียวกันกับเรา ก็ไม่ได้เคยพบปะกันเลย ก็คือถ้าทำข้อสอบผ่านก็คือจบหลักสูตร ประโยชน์มีมากครับเพราะทุ่นเวลาและค่าใช้จ่าย ส่วนตัวผมก็เห็นด้วยนะเพราะจะเป็นประโยชน์กับผู้เรียนบางคนที่เขาไม่มีเวลาเช่นบางคนต้องทำงานทั้งวันรวมทั้งเสาร์อาทิตย์ด้วย เขาอาจจะมีเวลาแค่ตอนที่กลับมาบ้านแล้วเข้ามาสู่ระบบ e-learning ตอนเย็น บางคนที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตที่บ้านก็ไปเช่าเครื่องที่ร้านแค่ชั่วโมงละ 10-15 บาท เอง

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

ต่อจาก พี่แมน คือผมกำลังจะบอกว่าการศึกษาในปัจจุบันตามความคิดของผมe-Learning
มันไม่น่าจะใช้ได้ทุกภาคส่วนและไม่สมบูรณ์ เช่น ปิดเทอมเด็กชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่เข้ามาเรียนในเมืองต้องกลับไปพักผ่อนที่บ้านระยะทาง 127 กม. แต่อาจารย์ให้งานและต้องอีเมล์ส่งทุกวัน ทั้งๆที่บ้านของเขาอย่าว่าแต่เน็ตเลย คอมก็ไม่มี ไฟฟ้าก็ไม่มี ก็ต้องเข้าเมืองมาส่งงานที่ร้านเน็ต จริงอยู่ค่า ชม.เน็ตแค่ 10-15 บาทต่อ ขม.แต่ค่ารถ ค่าข้าว เวลาเดินทางอีกละ แทนที่ปิดเทอมเด็กจะได้อยู่กับครอบครัว (เป็นประสบการณืจริงที่ผมเจอที่ หัวหินครับ รร.ศึกษาสงเคราะห์ตอนนั้นรับเหมาก่อสร้างอยู่)ผมจึงมีความคิดว่าควรปรับโครงสร้างพื้นฐานให้สมบูรณ์ก่อนครับ อย่างสิงคโปร์เด็กนั่งเรียนที่บ้านได้ทุกคนเพราะอะไรเพราะโครวสร้างพื้นฐานเขาพร้อม ผมจึงไม่อยากให้เราหลอกตัวเองมากไป เราควรหันกลับมามองว่าเกี่ยวกับ e-Learning
เรายังไม่พร้อมในเรื่องใดก็ควรพัฒนาให้พร้อมก่อนจะได้ประสบผลสำเร็จที่สุดในการใช้ และมีความทั่วถึง

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

ต่อจาก พี่แมน คือผมกำลังจะบอกว่าการศึกษาในปัจจุบันตามความคิดของผมe-Learning
มันไม่น่าจะใช้ได้ทุกภาคส่วนและไม่สมบูรณ์ เช่น ปิดเทอมเด็กชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่เข้ามาเรียนในเมืองต้องกลับไปพักผ่อนที่บ้านระยะทาง 127 กม. แต่อาจารย์ให้งานและต้องอีเมล์ส่งทุกวัน ทั้งๆที่บ้านของเขาอย่าว่าแต่เน็ตเลย คอมก็ไม่มี ไฟฟ้าก็ไม่มี ก็ต้องเข้าเมืองมาส่งงานที่ร้านเน็ต จริงอยู่ค่า ชม.เน็ตแค่ 10-15 บาทต่อ ขม.แต่ค่ารถ ค่าข้าว เวลาเดินทางอีกละ แทนที่ปิดเทอมเด็กจะได้อยู่กับครอบครัว (เป็นประสบการณืจริงที่ผมเจอที่ หัวหินครับ รร.ศึกษาสงเคราะห์ตอนนั้นรับเหมาก่อสร้างอยู่)ผมจึงมีความคิดว่าควรปรับโครงสร้างพื้นฐานให้สมบูรณ์ก่อนครับ อย่างสิงคโปร์เด็กนั่งเรียนที่บ้านได้ทุกคนเพราะอะไรเพราะโครวสร้างพื้นฐานเขาพร้อม ผมจึงไม่อยากให้เราหลอกตัวเองมากไป เราควรหันกลับมามองว่าเกี่ยวกับ e-Learning
เรายังไม่พร้อมในเรื่องใดก็ควรพัฒนาให้พร้อมก่อนจะได้ประสบผลสำเร็จที่สุดในการใช้ และมีความทั่วถึง

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

เป็นไงพี่แมนอ่านแล้วอึ้งป่าว 55555 เห็นเป็นไงโปรดชี้แนะข้าน้อยด้วย ขอคารวะ

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

เห็นด้วยกับคุณศักรินทร์ครับ
พอดีไปเจอความคิดเห็นของคุณอานนท์ คงเผือก ในอินเตอร์เน็ต ก็เลยขออนุญาติยืมความคิดเห็นของเขามาลงครับ
ข้อดีของ e-Learning
1. e-Learning ช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการถ่ายทอดเนื้อหาผ่านมัลติมีเดียที่ได้รับการออกแบบและผลิตอย่างมีระบบจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการเรียนจากสื่อข้อความเพียงอย่างเดียว
2. e-Learning ช่วยให้ผู้สอนสามารถตรวจสอบความก้าวหน้าพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียนได้อย่างละเอียดและตลอดเวลา
3. e-Learning ช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนรู้ของตนเองได้ โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลใดก่อนหรือหลังก็ได้ ตามพื้นฐานความรู้ ความถนัด และความสนใจของตน ทำให้ได้รับความรู้และมีการจดจำที่ดีขึ้น
4. e-Learning ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับครูผู้สอน และกับเพื่อน ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย
5. e-Learning เป็นการเรียนที่ผู้เรียนแต่ละคน จะได้รับเนื้อหาของบทเรียนเหมือนเดิมทุกครั้ง
6. e-Learning ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ รวมทั้งเนื้อหามีความทันสมัย และตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันได้อย่างทันที
7. e-Learning ทำให้เกิดการเรียนการสอนแก่ผู้เรียนในวงกว้างขึ้น เป็นการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ข้อเสีย e-Learning
1.ผู้เรียนไม่มีพื้นฐานในการใช้ e-Learning
2.ทรัพยากรจำกัดในบางกรณี

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

อันนี้ต่อจาก คุณศักรินทแร์ เวียงสมุทร นะ เรื่อง 3G มาเลย์เซียเดือนหน้าเขาจะเปิด 4G แล้ว เมืองเราน่ะไอ้ 3G ยังไม่ถึงไหนเลย พี่แมนใช้รายเดือนของ AIS มาสามสี่ปีแล้ว ได้แค่ 256 k ไม่ถึงหนึ่งในสี่ของ M เลย เวลาถาม call center ว่าเมื่อไร 3G จะมาก็เหมือนเ่ก่า 3G สูงสุดที่ 7.2 Mb แต่มาเลย์เขาจะใช้ 4G แล้ว มันตั้ง 42 Mb นู่น ต่างกันมากไหม
เนาะ รอเลือกต้งใหม่แล้วเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ก่อน เผื่อมมันดีขึ้น

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

ถึงพี่แมน เรื่อง 3G ในเมืองไทยผมได้ข่าวมาว่า (ข่าวลับมากๆ) รัฐบาลบอกว่ารอให้น้ำท่วมภูกระดึงก่อนแล้วค่อยมาเริ่มประมูล 3G กันใหม่ 5555555555555555

pasit กล่าวว่า...

1. ไวรัสคอมพิวเตอร์ ทำลายข้อมูลในระบบเครือข่าย เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและประเทศชาติ
Internet เป็นเครือข่ายที่โยงใยระบบคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องทั่วโลก ดังนั้นหากเครื่องใดมีไวรัสในเครื่องใดเครื่องหนึ่งก็จะทำให้ไวรัสนั้นแพร่กระจายไปยังเครื่องอื่นๆ ถ้าเครื่องต่าง ๆ เหล่านั้นไม่มีระบบป้องกันไว้ การนำ Diskette ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์จึงควรตรวจและกำจัดไวรัสใน Diskett นั้นก่อน

2. เป็นที่เผยแพร่ภาพลามกอนาจาร ทำลายศีลธรรมอันดีงาม
การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการเผยแพร่ลัทธิ ความเชื่อที่ผิด ๆ เว็บยาเสพติด เว็บการพนัน เว็บฉ้อโกง เว็บหยาบโลน เว็บเกม เว็บลัทธิ เว็บขายอาวุธ เว็บที่ทำลายศีลธรรมอันดีงาม ซึ่งเผยแพร่ได้ทั่วไปทางอินเทอร์เนต
3. มิจฉาชีพใช้ในการล่อลวง
ต้องระวังผู้ไม่หวังดีหลอกลวงโดยผ่านอินเทอร์เนต เพราะเราไม่เคยรู้จักคู่สนทนาด้วย และไม่ควรหลอกลวงผู้อื่นด้วย

4. ไม่เป็นผู้ทำลายข้อมูล ข้อมูลที่เป็นความลับ ทำลายความสงบสุขของสังคม
5. หมกมุ่นกับการ search web ที่ไร้สาระ เสียเวลา
6. มีมารยาทการใช้ การตอบคำถามหรือการส่งคำถาม แสดงความคิดเห็น ควรใช้ถ้อยคำสุภาพ
7. การซื้อขายสินค้าทางอินเทอร์เนตต้องตรวจสอบสินค้าและแหล่งขายให้ดีก่อน
8. ควรใช้อินเทอร์เนตเพื่อการสร้างสรรค์ มิใช่ใช้เพื่อการเสพสิ่งมอมเมาไร้สาระ

pasit กล่าวว่า...

ผมว่า 3G ไม่ได้ใช้หรอกพี่
รอใช้ 4Gแทนดีกว่า

pasit กล่าวว่า...

ทำไมต้อง eLearning

จากการคาดคะเนที่กล่าวไว้ในหนังสือ Packet ฉบับที่ 3 vol 12 ปี ค.ศ. 2000 ที่จัดพิมพ์โดยบริษัท ซิสโก ได้เน้นให้เห็นว่า การลงทุนทางด้านไอที ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับไอทีของบริษัท และองค์กรต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา เพิ่มจากสัดส่วน 5 เปอร์เซ็นต์ ในปี 1970 มาเป็นประมาณเกือบ 30 เปอร์เซนต์ ในปี 1990 และในปี ค.ศ. 2000 นี้ ค่าใช้จ่ายทางด้านไอทีเพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซนต์ และความต้องการกำลังคนทางด้านนักคอมพิวเตอร์ของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในขณะนี้มีตำแหน่งงานทางด้านไอทีว่างอยู่ถึงกว่า 350,000 ตำแหน่ง และจะเพิ่มเป็น 1.3 ล้านตำแหน่งที่ต้องการในปี 2006 นั่นหมายถึงการผลิตกำลังคน การเรียนการสอนต้องได้พัฒนาและสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพได้มากขึ้นและเร็วขึ้น

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

ดีมาก ภาษิต การแสดงความคิดเห็นมันต้องอย่างนี้ไม่ใช่ไปก๊อปจากเน็ตแล้วมาโพสเลยต้องใช้ความคิดกลั่นกรองของเราแล้วถ่ายทอดต่อแบบนี้ขอชม ถึงจะมีจากเน็ตติดมานิดหน่อยก็ไม่ถึงกับหน้าเกลียด ทำได้ดีมาก

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

ตัวอย่างของ e-learning ที่ดีที่สุดนะครับคือที่โรงเรียนไกลกังวลที่ในหลวงของเราท่านได้วางระบบไว้ เริ่มจากการเรียนการสอนผ่านระบบผ่านดาวเทียมก่อน (เนื่องจากช่วงที่พระองค์ท่านสร้างโรงเรียนตอนนั้นเมืองไทยยังไม่มีอินเตอร์เน็ต) นักเรียนรุ่นต้นๆ ของโรงเรียนจบโทจบเอกมาไม่รู้กี่คนแล้วทั้งที่ไม่เคยเจอหน้าครูได้พบแค่เวลาเข้าเรียนผ่านหน้าจอทีวีหน้าห้อง ส่วนมากก็เป็นเด็กที่ขาดโอกาสเนื่องจากความยากจนของครอบครัว แล้วพวกเขาเหล่านี้ส่วนหนึ่งเมื่อจบการศึกษาสูงๆแล้วก็ไม่ยอมเข้าทำงานในบริษัทที่เงินเดือนสูงๆ แต่กลับมาที่บ้านเกิดแล้วมารับเงินเดือนครูทีีน้อยกว่าในสถานศึกษาเดิมของตัวเอง เคยรับชมสารคดีเรื่องโรงเรียนไกลกังวลสองครั้งครับดูกี่ครั้งก็ขนลุกทุกครั้ง อยากให้คนรุ่นหลังๆ จากรุ่นของพวกเรารักบ้านเกิดอย่างนี้มากเลยครับ

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

ขอเสริมคุณแมนครับ ผมอยู่ที่หัวหินที่ตั้งของวังไกลกังวล,สถานีทีวีวังไกลกังวล,แล้วผมก็เรียน ม.ราชมงคลวังไกลกังวลส่วนหนึ่งก็เรียนในวังด้วย( อยู่หัวหิน 12 ปี ครับ ) ที่คุณแมนบอกว่านักเรียนรุ่นต้นๆของโรงเรียนวังไกลกังวลไม่ยอมไปทำงานเอกชนไม่จริงครับมันเฉพาะพวกที่ได้รับทุนนะครับที่อยู่ทำงานแล้วก็อยู่แค่เงื่อนไขของคนที่ได้ทุน คือ จบแล้วต้องทำงานให้ 3-5 ปีก่อนแล้วค่อยลาออกไปทำเอกชนได้ ปัจจุบันมีแต่ครูที่เป็นคนอีสาน-เหนือ ที่สอบบรรจุได้เท่านั้นที่ทำงานอยู่ พวกเด็กทุนไปทำงานโรงแรมใหญ่ๆกันหมดครับ ได้เดือนเป็นแสนครับ จริงครับสถานีทีวีวังไกลกังวลประสบความสำเร็จมากในหัวหิน แต่ที่อื่นผมขอเถียงครับ ผมเคยยกตัวอย่างที่ อ.ชะอำ ติดกับหัวหินแท้ๆ ใช้ไม่ได้ คือไฟฟ้าไม่มี , เน็ตไม่มี แล้วจะเรียนยังไง นี่เป็นตัวอย่างของการหลอกตัวเอง ยังไม่พร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานก็ควรทำให้พร้อมก่อนค่อยนำมาใ ยกตัวอย่างนะครับ กะเหรี่ยงที่หัวหินอ่านออกเขียนได้แต่กะเหรี่ยงที่ชะอำอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ทั้งๆที่อยูห่างกันแค่ 17 กม. คิดดูแล้วกันครับ

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

ข้อเสีย ของ Asynchronus ไม่ได้บรรยากาศสด การถามด้วย chat หรือเว็บบอร์ดอาจไม่ได้รับการตอบ กลับ E – learning ในสถานศึกษา สามารถใช้ได้กับสถานศึกษา เริ่มจากที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ให้นักศึกษา รับการบ้าน ส่งการบ้านทางอินเทอร์เน็ต มีการพัฒนานำเนื้อหาไว้ที่โฮมเพจของมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาเข้า มาเรียนจากบ้านได้

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

Asynchronus คืออะไรครับคุณต้า

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

สำหรับความหมายของ Synchronous และ Asynchronous นะครับถ้าเป็นเกี่ยวกับเรื่องของคอมพิวเตอร์ก็หมายถึงการติดต่อหรือการกระทำอื่นที่ต้องมีการปฎิสัมพันธ์กันกระหว่าง Application หรือที่เราๆ เรียกว่าโปรแกรม และ Service ซึ่งก็คือบริการต่างๆที่ระบบปฏิบัติการที่เราใช้อยู่ เช่น Windows 7 /Xp/linux ตัว A ที่เพิ่มเข้ามาก็คือไม่ต้องมี ก็คือตูอยู่คนเดียวไม่เกี่ยวใครคือใช้คอมพ์อยู่คนเดียวไม่ได้ต่ออินเตอร์เน็ตไม่ต่อสายแลนกับเพื่อนในห้อง แต่ถ้าเป็นเกี่ยวกับการศึกษา Synchronous ก็หมายถึงการเรียนทีไม่จำเป็นจะต้องมีอาจารย์ผู้สอนอยู่กับนักเรียนในเวลาและสถานที่เดียวกัน
ในส่วนนี้เราได้รวบรวมบทเรียนออนไลน์ซึ่งใช้เรียนที่ไหนเวลาใดก็ได้
ตามแต่ผู้เรียนจะสะดวกมาเรียนเป็นการเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์กันลักษณะ real time
ผู้เรียนต้องใช้คอมพิวเตอร์ และเครือข่ายสื่อสารทำงานกับทรัพยากรการเรียนทางไกล, ผู้สอน
และผู้เรียนคนอื่น แต่ไม่จำเป็นต้อง onlineในเวลาเดียวกันบทเรียนจะมีให้เลือก
มีตั้งแต่บทเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์,เทคโนโลยีประวัติศาสตร์ตลอดจนถึงสันทนาการ ถ้ามีตัว A นำหน้าก็คือความหมายที่ตรงข้ามกันครับ ถูกผิดยังไงก็แนะนำเพิ่มเติมได้นะครับ

ศักรินทร์ เวียงสมุทร กล่าวว่า...

THANK YOU Mr.man

ชยพล มุลาลี กล่าวว่า...

ข้อดีและข้อเสียของ E-learning
ข้อเสีย
•ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึก ปฏิกิริยาที่แท้จริงของผู้เรียนและผู้สอน •ไม่สามารถสื่อความรู้สึก อารมณ์ในการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง •ผู้เรียน และผู้สอน จะต้องมีความพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ทั้งด้านอุปกรณ์ ทักษะการใช้งาน •ผู้เรียนบางคน ไม่สามารถศึกษาด้วยตนเองได้

ปิติภัทร์ โพธิจักร (แมน) admin กล่าวว่า...

e-learning ตามความคิดเห็นของพี่นะ พี่เห็นด้วยส่วนหนึ่งเพราะข้อดีมันมีมากจริงๆ แค่คุณมีโทรศัพท์ มี 3G (ซึ่งตอนนี้เมืองไทยยังไม่ตั้งไข่เลย ลาวเขาใช้มากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ มาเลย์เซียก็เพิ่งประกาศใช้ 4G เมื่อเดือนก่อน)เวลาที่เราสะดวกก็เข้าไปทำบทเรียน ไปทำข้อสอบแบบทดสอบตามที่สถาบันที่เราไปผูกติดการคิดเกรดคิดคะแนนให้เรา ให้ตรงตามเวลา ตามเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ ข้อเสียก็คือ ผู้เรียนขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน และผู้เรียนร่วมคนอื่นๆ มันก็ไม่ต่างจากการเรียน มสธ. ที่อ่านหนังสือแล้วไปสอบให้เกิน 50 คะแนน แล้วก็ผ่าน ผู้เรียนจะขาดประสบการณ์หลายอย่างมากเลย ทุกคนก็เคยผ่านชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยมาแล้ว มันมีครบนะ ตั้งแต่การรับร้อง การไปรับน้องเอง การเข้ากิจกรรมแต่ละอย่าง (ตามไปแ้ก้งานกับอาจารย์ด้วย)พี่เองถึงจะจบคอมพ์มาเกรดสูงที่สุดในรุ่น แต่ประสบการณ์เรื่องพวกนี้ก็มากกว่าเพื่อน เพราะไม่ค่อยชอบเข้าเรียนเบื่อพวกอาจารย์ที่ซื้อหนังสือแถวซีเอ็ดมาแล้วถ่ายเอกสารให้นักเรียนทำ (ตูซื้อมาก่อนอีก ทำเป็นก่อนที่จะเข้าชั่วโมงเรียนอีก) นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ อยากให้เข้ามาร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันเยอะๆ นะ เพราะหลังจาก summer ไป เวปนี้จะเป็นที่เดียวนะที่พวกเรา ป.บัณฑิตรุ่น 8 จะได้มาพูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว
Best Regard
Pitipat Potijak

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

synchronous (ซีง-คโระนัซ)(ยังสดใหม่ๆหรือซีงอยู่นั่นเอง)
ความหมาย

เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน; นำมาเทียบวันเดือนปีกัน; ตรงกัน, ตั้ง (นาฬิกา) ให้ตรงเวลากัน; ได้จังหวะ, ทำให้เข้าจังหวะกัน, ทำให้พร้อมกัน, พร้อมกัน

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

asynchronous (ออกเสียง ay-SIHN-kro-nuhs จากภาษากรีก asyn- หมายถึง ไม่ และ chronos, หมายถึง เวลา)หรือไม่สดใหม่คือไม่ซีงนั่นเอง

ความหมาย
หมายถึง กระบวนการหรือการกระทำใด ๆ ก็ตามที่ไม่สอดประสานหรือสมนัยกัน (ใช้ในการรับและส่งข้อมูลทางโทรศัพท์)เป็นคุณศัพท์อธิบายวัตถุหรือเหตุการณ์ที่ไม่มีพิกัดด้านเวลา ในเทคโนโลยีสารสนเทศ ศัพท์นี้มีการใช้หลายความหมาย

1) ในสัญญาณการสื่อสารภายในเครือข่าย หรือระหว่างเครือข่าย สัญญาณ asynchronous เป็นหนึ่งที่ส่งผ่านตามอัตรานาฬิกาต่างจากอีกสัญญาณ (สัญญาณ plesiochronous เกือบทั้งหมด แต่ไม่ synchronization และวิธีนี้ได้รับการปรับปรุงตัว และสัญญาณ synchronous ทำงานในอัตรานาฬิกาเดียวกัน

2) ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ปฏิบัติการ asynchronous หมายถึง กระบวนการปฏิบัติงานอย่างอิสระของอีกกระบวนการ ขณะที่ ปฏิบัติการ synchronous หมายถึง กระบวนการทำงานเฉพาะผลลัพธ์ของอีกกระบวนการที่เสร็จสิ้นหรือหยุดปฏิบัติการ กิจกรรมแบบแผนอาจจะใช้โปรโตคอล synchronous ที่จะส่งไฟล์จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่ละการส่งผ่านได้รับ การตอบสนองได้รับการส่งออกชี้ถึงความสำเร็จหรือต้องส่งใหม่ แต่การส่งผ่านสำเร็จของข้อมูลต้องการตอบสนองไปยังการส่งผ่านก่อนหน้านี้ก่อนอีกเริ่มต้นอีกกระบวนการ

การสื่อสารโปรแกรม synchronous ตรงข้ามกับการสื่อสารโปรแกรม asynchronous

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

Asynchronous Learning Network
ความหมาย:
หมายถึงการเรียนทีไม่จำเป็นจะต้องมีอาจารย์ผู้สอนอยู่กับนักเรียนในเวลาและสถานที่เดียวกัน
ในส่วนนี้เราได้รวบรวมบทเรียนออนไลน์ซึ่งใช้เรียนที่ไหนเวลาใดก็ได้
ตามแต่ผู้เรียนจะสะดวกมาเรียนเป็นการเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์กันลักษณะ real time
ผู้เรียนต้องใช้คอมพิวเตอร์ และเครือข่ายสื่อสารทำงานกับทรัพยากรการเรียนทางไกล, ผู้สอน
และผู้เรียนคนอื่น แต่ไม่จำเป็นต้อง onlineในเวลาเดียวกันบทเรียนจะมีให้เลือก
มีตั้งแต่บทเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์,เทคโนโลยีประวัติศาสตร์ตลอดจนถึงสันทนาการ

เครื่องมือสื่อสารแบบALN คือ WWW
การฝึกปฏิบัติเชิงเว็บที่ต้องการการประชุม online บ่อยๆ และขอความร่วมมือกับผู้อื่น นั่นคือ ALN
ดังนั้น ALN คือหลักสูตร ที่มีการอบรมเชิงตัวอักษรหรือเชิงคอมพิวเตอร์
ที่ใช้อีเมล์ เพื่อพูดคุยเรื่องงาน,แบบ ฝึกหัดระหว่างผู้เรียนด้วยกัน และกับผู้สอน

ALN ยังต้องกำหนดเวลาและสถานที่ในการสอบหรือคุยแบบนัดเวลาในบางครั้ง หรือทำแล็บ
โดยคำนิยาม การศึกษาทางไกล แต่เดิมเป็นการนำเสนอทั้งเสียงและภาพแบบนัดเวลา
ซึ่งไม่ใช่ ALNเพราะต้อง กำหนดเวลาว่างของผู้เรียนและผู้สอนให้ตรงกัน
การเรียนด้วยวิดิโอเทป ,การเรียนด้วยการส่งเมล์ หรือการ ฝึกอบรมผ่านคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่ ALN
เพราะไม่ได้ประกอบด้วยเนื้อหาและ ความรวดเร็วในการปฏิสัมพันธ์ กับผู้อื่น
แม้ผู้เรียนส่งเมล์หรือทดสอบและได้รับคำตอบ ในภายหลัง

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

แบบซิงโคนัสบิต จะส่งข้อมูลอออกไปทีละบิตเรียงลำดับกัน ทั้งบิตข้อมูลและบิตการควบคุมโดยไม่จำเป็นต้องแปลงมาอยู่ในรูปของอักขระ การเริ่มต้นบล็อกหรือเฟรมข้อมูลจะเริ่มต้นด้วยกลุ่มบิตพิเศษขนาด 8 บิต เรียกว่า แฟลก (Flag) และต่อด้วยบิตควบคุม บิตข้อมูล บิตควบคุม และแฟลก

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

ผู้ส่งและผู้รับต้องอยู่ในเวลาเดียวกันซึ่งเราเรียกว่า conferencing ได้แก่ การสื่อสารด้วยการพิมพ์ข้อความผ่านคอมพิวเตอร์ (Chat Room) การสื่อสารด้วยเสียง (voice conferencing) หรือ การสื่อสารแบบ video conferencing ซึ่งจะได้ยินเสียงและเห็นภาพด้วย เป็นต้น

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

การทำงานของการส่งข้อมูลแบบอะซิงโคนัส

1. ก่อนจะเริ่มทำการส่งข้อมูล สัญญาณจะมีค่าเป็น 1 ตลอดเวลา

2. เมื่อเริ่มส่งข้อมูลสัญญาณของบิตแรกจะเปลี่ยนเป็น 0 นั้นคือบิตเริ่มต้น เครื่องรับจะเริ่มสัญญาณนาฬิกาของตัวเองเมื่อเวลาผ่านไป 1/2 บิต ถ้าสัญญาณยังคงเป็น 0 ต่อไปอีก 1/2 บิต ต่อมาก็จะเป็นการเริ่มของสัญญาณข้อมูลแต่ถ้าสัญญาณกลับไปเป็น 1 อีก ก็แสดงว่าเกิดความผิดพลาดอันเกิดจากสัญญาณรบกวนในสายส่งและยังไม่มีสัญญาณข้อมูลใด ๆ ส่งมายังปลายทาง

3. หลังจากได้เริ่มบิตเริ่มต้นแล้ว ผู้ส่งจะเริ่มส่งรหัสบิตของอักขระ อาจจะเป็น 5 บิต หรือ 8 บิต หรือ 7 บิต แล้วตามด้วยพาริตี้บิต (อาจจะใช้หรือไม่ก็ได้)

การส่งสัญญาณข้อมูลแบบอะซิงโคนัสมีใช้กันอย่างกว้างขวาง เพราะเทคนิคการส่งสัญญาณไม่ยาก และ สายสัญญาณก็มีราคาถูก ส่วนใหญ่ใช้ในการส่ง-รับข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์บุคคลกับศูนย์บริการข้อมูลที่อยู่ไกลออกไป แต่มีความเร็วในการส่งข้อมูลต่ำ

ผู้ส่งและผู้รับไม่ต้องดำเนินการในเวลาเดียวกัน เช่น การสื่อสารผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-mail การสื่อสารผ่าน WebBoard เป็นต้น


http://learners.in.th/blog/kaew4/233229

พิพัฒน์พงษ์ นิลผาย กล่าวว่า...

การทำงานของการส่งข้อมูลแบบซิงโคนัส

การพิจารณาเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของบล็อกข้อมูลแต่ละบล็อก จะพิจารณาจากกลุ่มบิตส่วนหัว (Header) และกลุ่มบิตส่วนท้าย (Trailer) ของบล็อกข้อมูล กลุ่มบิตพิเศษทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มบิตแทนข่าวสาร การควบคุมการส่งข้อมูลมากกว่าที่จะเป็นบิตข้อมูล ข้อมูลที่รวมเข้ากับข่าวสารการควบคุมการส่งข้อมูลนี้เรียกว่า เฟรม (Frame) โดยจะมีลักษณะการส่งข้อมูลแบบซิงโคนัสอักขระและแบบซิงโคนัสบิต


แบบซิงโคนัสอักขระ จะส่งข้อมูลเป็นบล็อก จะประกอบด้วย

- อักขระซิงก์ คือทำให้ผู้รับสามารถรู้ได้ทันทีว่ามีอักขระซิงก์เข้ามา เพื่อบอกว่าเป็นการเริ่มต้นบล็อก

- อักขระควบคุม คือ จะบอกข่าวสาร เช่น บอกจุดเริ่มต้นของบล็อกข้อมูล จำนวนอักขระในบล็อก ข้อมูลความยาวของบล็อกข้อมูล หรือตำแหน่งปลายทางของข้อมูล

- อักขระข้อมูล คือ กลุ่มข้อมูล โดย อักขระซิงก์และอักขระควบคุม จะเป็นบิตส่วนหัว (Header)

อักขระข้อมูล จะเป็นบิตอักขระข้อมูล อักขระควบคุม จะเป็นบิตส่วนท้าย (Tailer)